หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ลงทุน” หรือ “เล่นหุ้น” แล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของคนรวย คนมีอายุ หรือคนที่เรียนจบเศรษฐศาสตร์มาเท่านั้นใช่ไหมครับ? เหมือนเป็นโลกอีกใบที่เราไม่มีทางก้าวเข้าไปได้เลย
แต่จริงๆ แล้ว การลงทุนในหุ้น หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า เล่นหุ้นมือใหม่ เนี่ย มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ มันเหมือนกับการที่เรากำลังปั้นเงินของเราให้งอกเงยขึ้นมาทำงานแทนเราต่างหาก
เคยไหมครับที่รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าเก็บไว้เฉยๆ แล้วมูลค่ามันลดลงเรื่อยๆ? นั่นเป็นเพราะ “เงินเฟ้อ” (Inflation) ไงครับ เหมือนที่เราซื้อก๋วยเตี๋ยวเมื่อก่อนได้ 30 บาท แต่ตอนนี้อาจจะต้องจ่าย 40-50 บาทถึงจะได้ปริมาณเท่าเดิม ถ้าเราเก็บเงินไว้ใต้หมอนเฉยๆ เงินจำนวนนั้นก็จะซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ การลงทุนนี่แหละ คือวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เงินของเราโตทัน หรืออาจจะแซงหน้าอัตราเงินเฟ้อไปได้
แล้วทำไมต้องเป็นหุ้นล่ะ? ลองคิดภาพว่าเราไปซื้อของในตลาดนัดใช่ไหม? ตลาดหุ้นก็เหมือนตลาดนัดขนาดใหญ่ที่เอา “หุ้น” มาวางขาย หุ้นก็คือส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของบริษัทนั่นเองครับ เวลาเราซื้อหุ้น เหมือนเราได้เป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ นิดหน่อย ถ้าบริษัททำกำไรดี เราก็อาจจะได้ส่วนแบ่งกำไรที่เรียกว่า “เงินปันผล” (Dividend) หรือถ้าบริษัทเติบโตมูลค่ามากขึ้น ราคาหุ้นก็จะสูงขึ้น เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาตรงนี้

สำหรับ เล่นหุ้นมือใหม่ การเริ่มต้นไม่ใช่แค่การเปิดบัญชีแล้วกดซื้อทันทีนะ เหมือนกับการจะไปวิ่งมาราธอน เราต้องเตรียมตัวก่อนใช่ไหม?
สิ่งแรกสุดเลยคือการ “เช็คสุขภาพการเงิน” ตัวเองก่อนครับ มีเงินเก็บไว้ใช้ลงทุนจริงๆ ไหม? ไม่ใช่เอาเงินที่จะต้องใช้จ่ายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า หรือเงินค่าเทอมลูกมาลงทุนนะ เพราะการลงทุนมันมีความผันผวน เราอาจจะขาดทุนในระยะสั้นได้
แล้วมี “เงินสำรองฉุกเฉิน” พอหรือยัง? ส่วนใหญ่แนะนำให้มีอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะได้ไม่ต้องรีบดึงเงินลงทุนออกมาใช้ แล้วก็ “หนี้สิน” ล่ะ? โดยเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต ตรงนี้ควรจัดการให้เรียบร้อยก่อน เพราะดอกเบี้ยหนี้พวกนี้วิ่งเร็วกว่าผลตอบแทนจากการลงทุนส่วนใหญ่เยอะเลยครับ
พอเตรียมพร้อมเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว ก็ต้องมานั่งคิดว่า “เป้าหมายการลงทุน” ของเราคืออะไร? ลงทุนเพื่ออะไร? เกษียณอายุ? ซื้อบ้าน? ค่าการศึกษาลูก? แต่ละเป้าหมายใช้เวลาไม่เท่ากัน ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ก็ต่างกัน การมีเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้เราเลือกวิธีลงทุนได้ถูกต้อง
ทีนี้พอพูดถึงการลงทุน มันไม่ได้มีแค่หุ้นรายบริษัทอย่างเดียวนะครับ สำหรับ เล่นหุ้นมือใหม่ อาจจะงงๆ ว่ามีอะไรบ้าง?
มีตั้งแต่หุ้นรายบริษัท ที่เราเลือกลงทุนเจาะจงไปเลยว่าชอบบริษัทไหน หรืออาจจะเป็น “กองทุนรวม” (Mutual Fund) ซึ่งเหมือนการที่เราเอาเงินไปรวมกับคนอื่นๆ แล้วมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพช่วยเราลงทุนในหลักทรัพย์หลายๆ อย่าง เพื่อกระจายความเสี่ยง กองทุนรวมก็มีหลายแบบ ทั้งกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ (Debt Instrument) หรือแม้แต่ “กองทุนรวมอีทีเอฟ” (ETF) ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้นทั่วไปเลย
นอกจากนี้ก็มีสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ หรือแม้แต่ “สินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset) อย่าง “บิตคอยน์” (Bitcoin) หรืออสังหาริมทรัพย์อีก

สำหรับนักลงทุน เล่นหุ้นมือใหม่ หลายคน ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้เริ่มจาก “กองทุนรวมดัชนี” (Index Fund) หรือ “กองทุนรวมอีทีเอฟ” ก่อน เพราะมันมีการกระจายความเสี่ยงในตัวเองอยู่แล้ว เหมือนเราได้ลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัวพร้อมกันโดยไม่ต้องเลือกเองทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกลงทุนผิดบริษัทไปได้
แล้วถ้าอยากจะ เล่นหุ้นมือใหม่ ให้เข้าใจตลาดหุ้นไทยจริงๆ ต้องรู้จัก “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” (SET) ก่อนนะครับ ที่นี่คือตลาดอย่างเป็นทางการที่ให้บริษัทต่างๆ มาจดทะเบียนและซื้อขายหุ้นกัน
หุ้นที่เราซื้อขายกันในตลาดส่วนใหญ่เป็น “หุ้นสามัญ” (Common Stock) ซึ่งก็คือความเป็นเจ้าของทั่วไป มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุมบริษัท และมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล ส่วน “หุ้นบุริมสิทธิ” (Preferred Stock) จะมีสิทธิ์พิเศษกว่า เช่น ได้รับเงินปันผลก่อน หรือได้รับชำระคืนหนี้ก่อนถ้าบริษัทเลิกกิจการ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงครับ
การที่เรามี “พอร์ตการลงทุน” (Portfolio) ก็เหมือนเราจัดกระเป๋าเดินทางครับ แทนที่จะใส่ของทุกอย่างไว้ในกระเป๋าเดียว ถ้ากระเป๋าหายก็แย่เลย เราก็แบ่งใส่กระเป๋าหลายๆ ใบ หรือจัดระเบียบให้ดี พอร์ตหุ้นก็คือกลุ่มหลักทรัพย์ที่เราถือครองไว้ เพื่อบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเรา มีทั้งพอร์ตที่เน้นลงทุนยาวๆ เพื่อรับเงินปันผล หรือพอร์ตที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้น
เรื่องกฎกติกาในตลาดหลักทรัพย์ก็สำคัญนะครับ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ อย่างเช่นช่วงที่ผ่านมา (เช่น มีนาคม 2567 หรือพฤษภาคม 2566) ก็มีการปรับปรุงพวก “ประเภทคำสั่งซื้อขาย” (Order Types) ให้ยืดหยุ่นขึ้น บางคำสั่งใช้ได้ข้ามวันเลยก็มีนะ เช่น “คำสั่งที่คงอยู่ในระบบจนกว่าจะถูกยกเลิก” (Good-til-Cancelled Order) หรือ “คำสั่งที่คงอยู่ในระบบจนถึงวันที่กำหนด” (Good-til-Date Order) มีการกำหนดหลักเกณฑ์การเลือกราคาช่วงเปิด-ปิดตลาดที่ชัดเจนขึ้นด้วย
บางทีถ้าการซื้อขายหุ้นตัวไหนผิดปกติมากๆ ตลาดหลักทรัพย์ก็อาจจะขึ้น “เครื่องหมาย” พิเศษ เช่น เครื่องหมาย P (Pause) เพื่อห้ามซื้อขายชั่วคราว เพื่อให้นักลงทุนใจเย็นๆ แล้วก็เคยมีการขยายเวลาซื้อขายช่วงบ่ายให้เร็วขึ้นด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

สำหรับเทคนิคการ เล่นหุ้นมือใหม่ ให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ใช้ได้กับทุกคน แต่มีหลักการพื้นฐานที่ควรจำไว้ครับ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนอย่างคุณประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ หรือคุณนฤมล บุญสนอง มักจะย้ำเรื่องการศึกษาหาความรู้ การมีวินัย และการจัดการความเสี่ยง
ลองทำ “เช็กลิสต์” ให้ตัวเองง่ายๆ ซัก 5-10 ข้อก็ได้ครับ
1. **ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา:** เรียนรู้เรื่องตลาด หุ้นที่เราสนใจ วิธีดูสุขภาพบริษัทง่ายๆ (เช่น ดูงบการเงินเบื้องต้น) หรือแม้แต่วิธีดูกราฟราคา
2. **ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน:** เหมือนที่บอกไปตอนแรก จะได้เลือกวิธีลงทุนถูก
3. **เริ่มด้วยเงินน้อยๆ ก่อน:** ไม่ต้องรีบร้อนเอาเงินก้อนใหญ่มาลงทีเดียว ลองผิดลองถูกด้วยเงินจำนวนที่เราเสียได้
4. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าทุ่มเงินทั้งหมดในหุ้นตัวเดียว หรืออุตสาหกรรมเดียว ลองแบ่งไปลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว หรือหลายๆ อุตสาหกรรม หรือในกองทุนรวมก็ได้
5. **ใจเย็นๆ มีวินัย:** ตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อขาย ให้ทำตามแผนที่วางไว้
6. **รู้จักบริษัทที่เราจะลงทุน:** ไม่ใช่แค่ดูราคาหุ้นขึ้นลงอย่างเดียว ลองศึกษาว่าบริษัททำธุรกิจอะไร มีรายได้จากไหน มีจุดแข็งอะไรบ้าง
จำไว้ว่า การลงทุนในหุ้นมันคือการเดินทางระยะยาว ไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร ถ้าเราเตรียมตัวดี ศึกษาหาความรู้สม่ำเสมอ มีวินัย และรู้จักบริหารความเสี่ยง การ เล่นหุ้นมือใหม่ ก็สามารถเป็นบันไดอีกขั้นที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้ครับ
อยากเริ่มศึกษาจริงๆ จังๆ ก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ได้เลยนะครับ เขามีแหล่งความรู้ มีหลักสูตรออนไลน์ดีๆ สำหรับมือใหม่เพียบเลย ทั้งเรื่องการวางแผนการเงิน การลงทุนหุ้นฉบับมือใหม่ หรือแนวคิดสำหรับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มีเส้นทางการเรียนรู้แนะนำให้ด้วยนะ
**⚠️ ข้อควรจำเสมอ:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนด้วยเงินเย็นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะมูลค่าของเงินลงทุนอาจลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เสมอครับ ถ้าเงินสดหมุนเวียนในชีวิตประจำวันยังไม่พอใช้ หรือมีหนี้สินเยอะ แนะนำให้จัดการตรงนั้นให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยมองหาโอกาสในการลงทุน