หุ้นสหรัฐฯ แรงจริงไหม? เจาะลึกโอกาสและความเสี่ยงที่นักลงทุนไทยต้องรู้!

ช่วงนี้ข่าว หุ้นสหรัฐฯ มาแรงใช่ไหมครับ? เพื่อนผมคนนึงเดินมาถามด้วยท่าทางตื่นเต้นว่า “เฮ้ยๆ ตลาดอเมริกาเขาวิ่งกันแล้ว เราควรจะเข้าด้วยดีไหมเนี่ย?” ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่ชอบเอาเรื่องยากๆ มาเล่าให้ฟังง่ายๆ เหมือนคุยกับเพื่อน ผมก็เลยอยากชวนทุกคนมาดูกันหน่อยว่า ตลาด หุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้เป็นยังไง มีอะไรน่าสนใจ อะไรที่ต้องระวัง และถ้าเป็น นักลงทุนไทย อย่างเรา จะเข้าไปร่วมวงกับเขาได้ยังไงบ้าง

เริ่มต้นปีมา ตลาด หุ้นสหรัฐฯ ดูมีพลังงานน่าดูเลยครับ ดัชนีหลักๆ อย่าง ดาวโจนส์ (Dow Jones), เอสแอนด์พี 500 (S&P 500), แนสแด็ก (Nasdaq) พากันปรับตัวขึ้นได้ดีมาก โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ดัชนี แนสแด็ก บวกไปกว่า 3% ในรอบการซื้อขายล่าสุด เห็นแบบนี้แล้ว นักลงทุนไทย หลายคนคงยิ้มออก หรือบางคนก็เริ่มมองหาโอกาสกันอยู่ ตัวขับเคลื่อนหลักๆ ก็มาจากหุ้นใหญ่ๆ ที่เรารู้จักกันดี อย่าง เอ็นวิเดีย (Nvidia), แอมะซอน (Amazon), แอปเปิ้ล (Apple) ที่ราคาขยับขึ้นได้สวย นอกจากนี้ ภาคส่วนอื่นๆ อย่างการเงิน พลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็ปรับตัวขึ้นได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ดูจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ นี่สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี และการฟื้นตัวทาง เศรษฐกิจ กำลังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงนี้เลยครับ

ส่วนปัจจัยการเมืองใน สหรัฐฯ ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายลงบ้าง ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยหนุน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้คึกคักขึ้นมาครับ อย่างที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมายืนยันว่าจะไม่ปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันว่า เฟด (Fed) คือคุณ เจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่ง ข่าวนี้ส่งผลดีต่อตลาดมากครับ เพราะช่วยสร้างความแน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายลงไปได้เยอะ เลยกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างที่เห็นว่าดัชนี ดาวโจนส์ พุ่งขึ้นแรงเลยทีเดียวครับ ความชัดเจนนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจใน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ครับ

แต่พอมาดู ตัวเลขเศรษฐกิจ จริงๆ จังๆ มันก็ไม่ได้สดใสไปซะทั้งหมดนะครับ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ จะรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่พุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม ซึ่งดูเหมือนภาคอสังหาริมทรัพย์บางส่วนจะยังแข็งแกร่งดีอยู่ แม้จะเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยสูง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมภาคการผลิตและภาคบริการ หรือ PMI ซึ่งเป็นตัวสะท้อนกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ โดยรวม กลับปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในเดือนเมษายน นี่บอกเราว่ากิจกรรมทาง เศรษฐกิจ ใน สหรัฐฯ กำลังมีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน สหรัฐฯ ยังรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบในประเทศเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันนี้อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ด้วยครับ ตัวเลขพวกนี้บอกเราว่า เศรษฐกิจ สหรัฐฯ กำลังชะลอตัวลงเหมือนกันนะ แม้ ตลาดหุ้น จะดูคึกคักก็ตาม

เรื่อง นโยบายการเงิน หลังจากมีข่าวว่าประธานเฟดจะยังอยู่ต่อ ก็ทำให้คนโล่งใจเรื่องทิศทางนโยบายในระยะสั้น เหมือนได้ความแน่นอนมาอีกนิด แต่ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบแล้วครับ อย่างสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนองแห่ง สหรัฐฯ (MBA) รายงานว่า จำนวนผู้ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใน สหรัฐฯ ลดลง นั่นแปลว่าคนเริ่มชะลอการซื้อบ้าน หรือรีไฟแนนซ์ เพราะ อัตราดอกเบี้ย เงินกู้มันแพงขึ้น นี่ก็เป็นอีกจุดที่ นักลงทุน ต้องจับตา เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์สำคัญของ เศรษฐกิจ สหรัฐฯ เลย ถ้าดอกเบี้ยสูงไปเรื่อยๆ จนกระทบกำลังซื้อภาคส่วนนี้เยอะๆ ก็อาจจะกลายเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตทาง เศรษฐกิจ ในอนาคตได้

ฟังดูดีใช่ไหมครับ ทั้งตลาดขึ้น หุ้นใหญ่ขึ้น การเมืองนิ่งขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่าการลงทุนใน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือที่ไหนก็ตาม มันก็มาพร้อม ความเสี่ยง เสมอครับ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็เตือนไว้ อย่าง ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กูรูด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ก็เคยกล่าวถึง ความเสี่ยง เชิงโครงสร้างของ หุ้นสหรัฐฯ ว่ามันอาจปรับตัวลงแรงได้ ถ้ามีปัจจัยมากระทบแรงๆ เหมือนกันครับ หรือคุณประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ตลาดตราสารหนี้ ก็เคยกังวลเรื่อง “ระเบิดหนี้ภาครัฐ” ของ สหรัฐฯ ที่อาจเป็น ความเสี่ยง ต่อ ตลาดตราสารหนี้ และลามมาถึง ตลาดหุ้น ได้ นอกจากนี้ ภาวะที่ เงินเฟ้อ ยังคงสูงอยู่ แต่ เศรษฐกิจ กลับมีแนวโน้มชะลอตัว หรือที่เรียกว่า Stagflation ก็เป็นอีก ความเสี่ยง ที่ นักลงทุน ทั่วโลกต้องเฝ้าระวังให้ดีนะครับ อย่ามองโลกสวยเกินไป ต้องมอง ความเสี่ยง ควบคู่ไปกับโอกาสเสมอ

แล้วทำไม นักลงทุนไทย ถึงควรหันมามอง หุ้นสหรัฐฯ ล่ะครับ? อย่างแรกเลยคือ ตลาด นี้ใหญ่ที่สุดในโลก มี มูลค่าตลาด รวมสูงมาก เป็นแหล่งรวมบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรมชั้นนำมากมาย ไม่ใช่แค่ เทคโนโลยี แต่รวมถึงยา เทคโนโลยีชีวภาพ และ ภาคส่วน อื่นๆ ที่มีความหลากหลายสูงมาก ซึ่งบางอย่างอาจไม่มีในตลาดบ้านเรา ที่สำคัญคือ ตลาด นี้ไม่มีระบบราคา Ceiling/Floor ในวันเดียวเหมือนบ้านเรา แปลว่าราคา หุ้น สามารถขึ้นลงได้แรงกว่าปกติในหนึ่งวัน ซึ่งก็เป็นได้ทั้งโอกาสและความ เสี่ยง ในเวลาเดียวกัน การลงทุนใน หุ้นสหรัฐฯ จึงเป็นเหมือนการได้กระจายพอร์ตไปสู่บริษัทระดับโลก และ ตลาด ที่มีสภาพคล่องสูงมาก

สำหรับ นักลงทุนไทย การ ลงทุน ใน หุ้นสหรัฐฯ สมัยนี้ง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ ไม่ต้องบินไปเปิดบัญชีที่โน่นแล้ว มีหลายช่องทางให้เลือก ทั้ง กองทุนรวม หุ้นสหรัฐฯ ที่บริหารโดย บลจ. ไทย ซึ่งอันนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากให้ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแลเงินให้ หรือจะเป็น ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) และ DRx ที่ซื้อขายผ่าน ตลาดหุ้น ไทยได้เลย สะดวกเหมือนซื้อขาย หุ้น ไทยผ่านแอปฯ ตัวเอง แถมบางช่องทางอย่าง DR/DRx ที่ซื้อขายใน ตลาด ไทย อาจไม่มีภาระภาษีกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gains Tax) ด้วยนะ อันนี้ต้องเช็คเงื่อนไขของแต่ละผลิตภัณฑ์ดีๆ ครับ

ปัจจุบันมีหลายแพลตฟอร์มการ ลงทุน ที่ทำให้การซื้อ หุ้นสหรัฐฯ เข้าถึงง่ายขึ้นครับ บางที่เริ่ม ลงทุน ได้ด้วยเงินจำนวนน้อยมากๆ อย่างบางแอปพลิเคชันที่เราเห็นโฆษณา ก็เริ่มแค่หลักสิบ หลักร้อยบาทเท่านั้นเอง นี่เป็นข้อดีมากๆ สำหรับ นักลงทุน รายย่อยที่อาจจะยังไม่กล้าลงเงินก้อนใหญ่ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มพวกนี้มักจะมีฟีเจอร์ดีๆ อย่างการออม หุ้น อัตโนมัติ (DCA – Dollar-Cost Averaging) ช่วยให้เรา ลงทุน อย่างมีวินัย ถัวเฉลี่ยต้นทุนไปเรื่อยๆ หรือมีโปรโมชั่นยกเว้น ค่าธรรมเนียม การซื้อขายในรายการแรกของเดือนด้วย แถมยังมีวงเงินคุ้มครองเงิน ลงทุน ตามเงื่อนไขของหน่วยงานกำกับดูแลอีกด้วยครับ

อีกเรื่องที่ นักลงทุนไทย ต้องรู้คือ เวลาซื้อขายครับ ตลาด หุ้นสหรัฐฯ เปิด-ปิดไม่ตรงกับเวลาบ้านเรา และจะเปลี่ยนไปอีกทีช่วงฤดูร้อน (Daylight Saving Time) ซึ่งเวลาซื้อขายก็จะเลื่อนเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง นักลงทุน ต้องศึกษาเวลาดีๆ จะได้วางแผนส่งคำสั่งซื้อขายได้ถูกจังหวะ แม้จะส่งคำสั่งนอกเวลาทำการได้ แต่คำสั่งซื้อขายของคุณก็จะไปจับคู่ตอน ตลาด เปิดทำการอยู่ดีครับ การทำความเข้าใจเรื่องเวลาทำการนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ จะได้ไม่พลาดโอกาสหรือตกใจกับราคาที่ไม่ขยับนอกเวลาทำการ

โดยสรุปแล้ว ตลาด หุ้นสหรัฐฯ ยังคงเป็นสนามที่น่าสนใจ มีโอกาสเติบโตจากบริษัทชั้นนำระดับโลก มีความหลากหลายทางธุรกิจสูง แต่ก็มีความผันผวนและความ เสี่ยง เฉพาะตัวดังที่กล่าวมา ทั้งจากภาวะ เศรษฐกิจ ที่มีสัญญาณชะลอตัว ความเสี่ยง เรื่องหนี้ภาครัฐ และ ความเสี่ยง จากนโยบายต่างๆ หากคุณเป็น นักลงทุนไทย ที่สนใจ ตลาด นี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เข้าใจ ความเสี่ยง ต่างๆ ทั้งจาก เศรษฐกิจ นโยบาย การเงิน และโครงสร้าง ตลาด เอง และเลือกช่องทาง การลงทุน ที่เหมาะสมกับระดับ ความเสี่ยง ที่คุณรับได้

ถ้าคุณมีเงิน ลงทุน จำกัด หรือเพิ่งเริ่มต้น การลงทุน ใน หุ้นต่างประเทศ อาจจะลองพิจารณาผ่าน กองทุนรวม หุ้นสหรัฐฯ หรือ DR/DRx ที่ซื้อขายใน ตลาด ไทยได้ ซึ่งอาจจะเหมาะกับมือใหม่มากกว่าการซื้อ หุ้น รายตัวโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ เพราะมีความซับซ้อนน้อยกว่า และเริ่มต้นด้วยเงินไม่มากครับ

⚠️ การลงทุน มีความ เสี่ยง ครับ โปรดศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ ลงทุน โดยเฉพาะ หุ้นสหรัฐฯ ที่มีความผันผวนสูง และมีความ เสี่ยง จาก อัตราแลกเปลี่ยน ด้วยนะครับ ยิ่งถ้าคุณมีเงิน ลงทุน ที่อาจจะต้องใช้ในอนาคตอันใกล้ หรือ ความเสี่ยง ต่ำมากๆ อาจจะต้องประเมินให้ดีก่อนครับ