
บางที เพื่อนๆ นักลงทุนคงเคยรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาเวลาพูดถึง `china หุ้น` ใช่ไหมครับ? ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นแดนมังกรนี้เจอเรื่องท้าทายมาไม่น้อย ทั้งเรื่องกฎระเบียบของรัฐบาลที่เข้ามาจัดระเบียบบางอุตสาหกรรม ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ไปจนถึงผลกระทบจากโควิด-๑๙ ที่ทำให้เศรษฐกิจชะงักไปพักใหญ่ๆ ดูเหมือน `china หุ้น` จะซึมยาวจนหลายคนเริ่มท้อ
แต่… อะไรๆ มันก็ไม่เคยหยุดนิ่งจริงๆ ครับ พอเข้าช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายปี [อ้างอิงจากข้อมูลต้นปี] ตลาดหุ้นจีนเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่น่าสนใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดครับ จากการเปิดเมืองที่เร็วกว่าที่คาด มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเข้มงวดไปก่อนหน้านี้ บรรยากาศมันเริ่มเปลี่ยนไปครับ เหมือนอากาศหลังพายุฝน ที่ท้องฟ้ากำลังจะเปิดอีกครั้ง
ทีนี้ ถ้าถามว่าทำไม `china หุ้น` ถึงเริ่มกลับมาอยู่ในสายตาอีกครั้ง? เหตุผลหลักๆ ก็มาจากปัจจัยพื้นฐานที่กำลังดีขึ้นนี่แหละครับ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดช่วงไตรมาส ๔ ที่ผ่านมา อย่างตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของจีนนี่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำไปนะครับ อยู่ที่ ๕.๔% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองไว้ที่ ๕.๐% นี่แสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์เศรษฐกิจของจีนเริ่มกลับมาทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ `ธนาคารกลางจีน (PBoC)` ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หรือพูดง่ายๆ คือยังคงเปิด “ก๊อก” สภาพคล่องให้กับระบบอยู่เรื่อยๆ ครับ ล่าสุดก็มีการอัดฉีดเงินระยะสั้นเข้ามาในระบบก่อนช่วงตรุษจีนเป็นมูลค่ากว่า ๙.๕๘ แสนล้านหยวนผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Reverse Repo เพื่อช่วยประคองสภาพคล่องในตลาด สิ่งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ แรงกดดันเรื่อง `เงินเฟ้อต่ำ` ในจีน ทำให้ PBoC ยังมีกระสุนเหลือเฟือที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้อจะพุ่งแรงเหมือนประเทศอื่นๆ
แม้ว่าจะมีสัญญาณที่น่ากังวลอยู่บ้าง เช่น ข้อมูลในภาค `อสังหาริมทรัพย์` ที่ดูเหมือนจะยังซบเซาอยู่บ้างในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ซึ่งอาจจะเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลช่วงเทศกาลใหญ่ด้วยก็ได้) และ `ความเชื่อมั่นผู้บริโภค` ที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ แต่โดยรวมแล้ว `ดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจ` ที่ออกมากลับดีกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายตัวเลยนะครับ สิ่งเหล่านี้รวมกับราคา `Valuation` ของ `หุ้นจีน` ที่ปัจจุบันยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวของตัวเองและเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้ `china หุ้น` ดูมีเสน่ห์ในเชิงของ “ราคาถูก” อยู่ไม่น้อยเลยครับ

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจอยากจะเข้าไปร่วมวงกับโอกาสในการฟื้นตัวของ `china หุ้น` ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า `ตลาดหุ้นจีน` มันไม่ได้มีแค่ที่เดียวนะครับ จีนมี `ตลาดหลักทรัพย์` หลักๆ ถึง ๔ แห่งเลยทีเดียว แต่ละแห่งก็มีลักษณะเฉพาะตัวและประเภทของ `หุ้นจีน` ที่แตกต่างกันไป เหมือนกับมี “พอร์ต” หรือ “ด่าน” ที่ไม่เหมือนกันครับ
* `ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE)` นี่จะเน้นบริษัทขนาดใหญ่ๆ เป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มเศรษฐกิจดั้งเดิม มีเกณฑ์การจดทะเบียนค่อนข้างเข้มงวดหน่อย
* `ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (SZSE)` จะมีบริษัทขนาดเล็กลงมาหน่อย เน้นบริษัทในกลุ่มเศรษฐกิจยุคใหม่ กลุ่มเทคโนโลยี มีเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นกว่าเซี่ยงไฮ้
* `ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง (BSE)` นี่ใหม่สุดเลยครับ เพิ่งเปิดมาไม่นาน เน้นไปที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือ SMEs เป็นหลัก มีเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นมากที่สุด สอดคล้องกับนโยบาย `Common Prosperity` ที่ต้องการส่งเสริมการเติบโตที่ทั่วถึง
* ส่วน `ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX)` อันนี้เป็นตลาดเก่าแก่ มาตรฐานสากลมากๆ ครับ เป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเข้าถึงง่ายกว่า และบริษัทจีนใหญ่ๆ หลายบริษัทก็มาจดทะเบียนที่นี่ด้วย
แล้ว `หุ้นจีน` มันมีกี่แบบล่ะ? ซับซ้อนกว่าที่คิดอีกครับ มีทั้ง `A-Share` (ซื้อขายในจีนแผ่นดินใหญ่ สกุลเงินหยวน), `B-Share` (ซื้อขายในจีนแผ่นดินใหญ่ สกุลเงินต่างประเทศ), `H-Share` (ซื้อขายในฮ่องกง), `Red Chip` (ซื้อขายในฮ่องกง บริษัทแม่เป็นรัฐบาลจีนถือหุ้นใหญ่), และ `ADR` (ซื้อขายในสหรัฐอเมริกา) บางบริษัทก็จดทะเบียนซ้ำซ้อนในหลายๆ ตลาดแบบ `Dual Listing` เพื่อเพิ่มช่องทางระดมทุน ทำให้การเลือก `china หุ้น` ต้องดูให้ดีว่าเรากำลังจะลงทุนในหุ้นประเภทไหน บนตลาดไหนครับ
สำหรับนักลงทุนที่ไม่อยากยุ่งยากไปเลือกหุ้นรายตัวเอง `ดัชนีหุ้นจีน` ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ `ดัชนี FTSE China A50` นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หลายคนจับตา เพราะเป็นตัวแทนของหุ้น A-Shares ขนาดใหญ่ ๕๐ ตัวแรกในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ การลงทุนผ่าน `ดัชนี` พวกนี้มีข้อดีตรงที่หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ (โดยเฉพาะ A-Shares) ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยใน `ดัชนี` ตลาดหุ้นโลกอย่าง `MSCI ACWI` ในระยะยาว ทำให้ `china หุ้น` กลุ่มนี้มีความสัมพันธ์ (Correlation) กับหุ้นโลกค่อนข้างต่ำ (ประมาณ ๐.๓) การลงทุนในหุ้น A-Shares จึงช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนภาพรวมได้ และหุ้นขนาดใหญ่พวกนี้ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูด `เงินทุนต่างชาติ` ได้ดี

แล้วนักลงทุนไทยจะเข้าถึง `china หุ้น` ได้ยังไง? ช่องทางที่ง่ายและนิยมที่สุดก็คือผ่าน `กองทุนหุ้นจีน` ที่มีอยู่ในตลาดบ้านเรานี่แหละครับ มีให้เลือกเยอะแยะเลย แบ่งเป็นประเภทหลักๆ ตามการลงทุน เช่น `กองทุน` ที่เน้น `A-Shares` อย่างเดียว, เน้น `H-Shares`, เน้น `All China` (รวมทั้ง A+H+ADR), เน้น `Greater China` (จีน ฮ่องกง ไต้หวัน) หรือ `กองทุน` ที่เน้นตามธีมต่างๆ เช่น เทคโนโลยี (อย่างบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่าง `Tencent`, `Alibaba`, `Meituan`, `Xiaomi`), หุ้นกลุ่มผู้บริโภค, พลังงานสะอาด (`BYD`), หรือหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
ตัวอย่าง `กองทุน ETF` อย่าง `iShares MSCI China ETF` ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ `กองทุน` นี้จะลงทุนตาม `ดัชนี MSCI China Index` ซึ่งครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่และกลางกว่า ๗๐๐ ตัว ในหลายๆ ตลาดและหลายประเภท `หุ้นจีน` ที่เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้เลยครับ อย่าง ๑๐ อันดับแรกที่ `กองทุน` นี้ลงทุนก็มีแต่บริษัทระดับโลกทั้งนั้น เช่น `Tencent Holdings`, `Alibaba Group`, `Meituan`, `Xiaomi`, `China Construction Bank`, `PDD Holdings`, `BYD`, `Industrial and Commercial Bank of China`, `JD.com`, `Ping An Insurance` เป็นต้น
จากมุมมองของนักวิเคราะห์ล่าสุดช่วง [อ้างอิงจากข้อมูลต้นปี] มีการปรับมุมมองต่อ `china หุ้น` ขึ้นจากเดิมที่เคยระมัดระวัง (Slightly underweight) เป็น “เท่ากับตลาด” หรือ `Neutral` แล้วนะครับ และบางแห่งก็มองเห็นโอกาสในการ “Trading” หรือเก็งกำไรระยะสั้นใน `กองทุน` หรือ `ดัชนี` ที่อิงกับ `china หุ้น` ที่ปรับฐานลงมาแรงๆ ก่อนหน้านี้ โดยหวังว่าตลาดจะรีบาวด์ขึ้นได้จากมาตรการ `กระตุ้นเศรษฐกิจ` ที่คาดว่าจะทยอยออกมา โดยเฉพาะก่อนช่วงเทศกาลสำคัญอย่างตรุษจีนที่ผ่านมา
สรุปแล้ว `china หุ้น` ในช่วงนี้เหมือนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากบรรยากาศที่อึมครึมมาสู่ความหวังในการฟื้นตัวครับ ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นโยบายภาครัฐที่สนับสนุน และราคาที่ยังไม่แพง เป็นจุดที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงนะครับ ปัญหา `อสังหาริมทรัพย์` ที่ยังไม่คลี่คลายเต็มที่ หรือความเชื่อมั่นที่ยังไม่กลับมา ๑๐๐% ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด
หากคุณกำลังมองหาโอกาสใน `china หุ้น` สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องทำความเข้าใจลักษณะตลาดที่หลากหลายและประเภทของ `หุ้นจีน` ต่างๆ ที่เราเล่าไปก่อนหน้านี้ครับ จากนั้นก็มาดู `กองทุนหุ้นจีน` ที่มีให้เลือกมากมายในไทย ว่า `กองทุน` ไหนเน้นลงทุนในตลาดหรือประเภทหุ้นแบบที่เราสนใจ `กองทุน` แบบที่เน้น `All China` อาจจะเหมาะกับคนที่ไม่รู้จะเลือก `A-Share` หรือ `H-Share` ดี หรือ `กองทุน` แบบธีมก็เหมาะกับคนที่เชื่อในศักยภาพของอุตสาหกรรมบางอย่างของจีนเป็นการเฉพาะ
⚠️ ข้อควรระวัง: การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดต่างประเทศอย่าง `ตลาดหุ้นจีน` ที่มีปัจจัยเฉพาะตัวมากมาย ทั้งเรื่องกฎระเบียบ นโยบายรัฐบาล ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนที่สูงกว่าตลาดหุ้นไทย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน `china หุ้น` ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือผ่าน `กองทุนหุ้นจีน` ขอให้ศึกษาข้อมูล `กองทุน` นั้นๆ ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า `เงื่อนไขผลตอบแทน` และ `ความเสี่ยง` ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ อย่าเพิ่งเทเงินทั้งหมดเข้าไปเพราะเห็นว่าราคามันถูกอย่างเดียวนะครับ ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ เริ่ม จะปลอดภัยกว่าเยอะเลยครับ