
เพื่อนสนิทคนหนึ่งเพิ่งมาบ่นให้ฟังว่า เงินฝากแบงก์ได้ดอกเบี้ยน้อยจัง มีทางไหนบ้างที่จะได้เงินเข้ามาเรื่อยๆ แบบไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวันทั้งคืน? แหม ได้ยินแบบนี้ คนเขียนคอลัมน์สายลงทุนอย่างเราก็ต้องหูผึ่งสิครับ นี่มันเข้าทาง “หุ้นปันผล” เลยนี่นา!
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้ผ่านหูมาบ้าง แต่ก็ยังงงๆ ว่ามันคืออะไร แล้วจะ `ซื้อ หุ้น ปันผล` ไปทำไม? มันดีจริงหรือเปล่า? วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องนี้แบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์บ้านๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟคุยกันเลยครับ
**หุ้นปันผล คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็เล็ง?**
ลองนึกภาพตามนะ บริษัทที่เราไป `ลงทุน` ด้วยเนี่ย ถ้าเขาทำมาค้าขึ้น มีกำไรดีๆ เขาจะแบ่งกำไรส่วนหนึ่งกลับมาคืนผู้ถือหุ้น หรือคนที่ `ซื้อ หุ้น` ของเขานั่นแหละ ในรูปของ “เงินปันผล”
เจ้า `หุ้นปันผล` เนี่ย ก็คือหุ้นของ `บริษัท` ที่มีประวัติจ่าย `เงินปันผล` ให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ พูดง่ายๆ คือ เหมือนเราเป็นเจ้าของร้านเล็กๆ ที่ทำกำไรได้ดี แล้วเจ้าของร้านใหญ่ (บริษัท) ก็แบ่งกำไรมาให้เราเป็นประจำไงล่ะครับ
เป้าหมายหลักของคนที่ `ซื้อ หุ้น ปันผล` ก็คือ การสร้าง `กระแสเงินสด` ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หรือที่เขาเรียกกันว่า Passive Income นี่แหละ นอกจากนี้ สำหรับ `นักลงทุน` ที่มองระยะยาว การลงทุนใน `หุ้นปันผล` ยังช่วยลด `ความเสี่ยง` จากความผันผวนของ `ตลาดหุ้น` ได้ดีกว่าหุ้นหวือหวาบางประเภทด้วย เพราะอะไรน่ะเหรอ? เดี๋ยวเล่าให้ฟังต่อ
**ตลาดผันผวนทีไร หุ้นปันผลยิ่งน่ามอง?**
ว่ากันตามตรงนะ ช่วงไหนที่ `ตลาดหุ้น` มันดูไม่ค่อยเป็นใจ ขึ้นๆ ลงๆ เดาทางยาก หรือบางทีก็ซึมๆ เซาๆ เนี่ย `หุ้นปันผล` มักจะดูดีขึ้นมาทันทีเลยครับ

เหตุผลก็คือ `หุ้นปันผล` ส่วนใหญ่มักจะเป็นหุ้นของ `บริษัท` ที่อยู่ในกลุ่ม `ธุรกิจ` ที่มีความทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจ (หรือที่เรียกกันว่า `Defensive Stock` ครับ) ลองนึกถึงพวกกิจการที่เรายังไงก็ต้องใช้บริการ หรือต้องซื้อสินค้าพวกนี้อยู่ดี ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีจะแย่ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา อาหาร โทรคมนาคม ธุรกิจเหล่านี้แม้เศรษฐกิจไม่ดีมาก แต่รายได้เขาก็ยังค่อนข้างสม่ำเสมอ ทำให้เขายังพอมี `กำไร` ที่จะแบ่งมาจ่ายปันผลได้
พอเป็นแบบนี้ ราคา `หุ้นปันผล` เลยมีแนวโน้มที่จะผันผวนน้อยกว่าหุ้นประเภทอื่นที่ขึ้นลงตามอารมณ์ตลาดหรือข่าวสารไวๆ ครับ
`นักลงทุน` หลายคน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอย่าง `บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)` ก็เคยให้ข้อมูลในทำนองเดียวกันว่า ช่วง `ตลาดขาลง` หรือตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเนี่ย อาจกลายเป็น `จังหวะดี` ที่เราจะได้ `ซื้อ หุ้น ปันผล` คุณภาพดีใน `ราคาที่เหมาะสม` ถ้าเราเลือกดีๆ นะครับ เพราะตอนนั้น `ราคาหุ้น` อาจจะปรับตัวลงมาตามภาพรวมตลาด ทั้งที่พื้นฐาน `ธุรกิจ` ของเขายังดีอยู่ การได้เข้า `ลงทุน` ตอน `ราคาหุ้น` ลง ก็เหมือนได้ของดีราคาถูก ทำให้เราได้ `ต้นทุน` ในการถือหุ้นที่ต่ำลง ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาวครับ
**ไม่ใช่แค่ปันผลสูง ต้องดู “ไส้ใน” ด้วย**
การเลือก `หุ้นปันผล` ไม่ใช่แค่เห็นว่าให้อัตราปันผลสูงแล้วพุ่งเข้าใส่เลยนะครับ มันเหมือนกับการเลือกซื้อผลไม้ ที่ไม่ใช่แค่ลูกใหญ่สีสวย แต่ต้องดูด้วยว่าข้างในมันอร่อย หวานฉ่ำ หรือเปล่า
สิ่งที่เราต้องดูอย่างแรกเลยคือ `พื้นฐานธุรกิจ` ของ `บริษัท` ครับ เขาทำอะไร มี `การเติบโต` มั้ย คู่แข่งเยอะหรือเปล่า ธุรกิจอยู่ในขาขึ้นหรือเริ่มอิ่มตัวแล้ว? `บริษัท` ที่ดีควรมี `ความสามารถในการแข่งขัน` สูงๆ อันนี้สำคัญมาก
ต่อมาคือเรื่อง `ฐานะทางการเงิน` ของ `บริษัท` ครับ ลองเช็ค `งบการเงิน` ดูว่าเขามีหนี้สินเยอะไปมั้ย (ดู `อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน` – ถ้าตัวเลขนี้ไม่สูงเกินไปก็สบายใจได้เปราะนึง) มี `กระแสเงินสด` จากการดำเนินงานเข้ามาสม่ำเสมอหรือเปล่า เพราะนี่แหละคือแหล่งเงินที่จะเอามาจ่ายปันผลจริงๆ ไม่ใช่แค่มี `กำไร` บนกระดาษ นอกจากนี้ `บริษัท` ที่มี `กำไรสะสม` เยอะๆ ก็แสดงว่าเขาเก็บหอมรอมริบมาดี พร้อมที่จะจ่ายปันผลมากกว่า `บริษัท` ที่ยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ครับ
อีกเรื่องที่สำคัญมากๆ คือ `นโยบายการจ่ายเงินปันผล` ของ `บริษัท` ครับ แต่ละ `บริษัท` มีนโยบายไม่เหมือนกัน บางแห่งจ่ายเยอะ บางแห่งเก็บ `กำไร` ไว้ `ลงทุน` ขยาย `ธุรกิจ` เราต้องดูว่าที่ผ่านมาเขาจ่ายสม่ำเสมอแค่ไหน? (ย้อนหลังไปดูสัก 5-10 ปีเลยยิ่งดีครับ) `เงินปันผล` ที่จ่ายมาจาก `กำไร` จากการ `ดำเนินงานปกติ` หรือว่าเป็นแค่ `กำไรพิเศษ` ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว? `บริษัท` ที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่มักจะมี `ผลการดำเนินงาน` ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจริงๆ ครับ
ส่วนเรื่อง `สภาพคล่องในการซื้อขาย` ก็สำคัญนะครับ แม้เราจะ `ลงทุน` ระยะยาว แต่ถ้าถึงเวลาที่อยากขายแล้วไม่มีคน `ซื้อ` ก็แย่เหมือนกัน ควรเลือกหุ้นที่มี `มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด` (Market Cap) ใหญ่หน่อย หรือถ้าเล็ก ก็ต้องมีสัดส่วนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด (`Free Float`) สูงพอสมควรครับ หุ้นในกลุ่มดัชนี `SETHD` (SET High Dividend 30 Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้น 30 ตัวที่มีประวัติการจ่ายปันผลดี และมีสภาพคล่องสูง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการหาข้อมูลครับ
**ตัวเลขสำคัญที่ควรรู้ (แต่ไม่ต้องกลัว!)**
พอพูดถึง `หุ้นปันผล` ก็ต้องมีตัวเลขสำคัญๆ ที่ใช้ดูคุณภาพกันหน่อย แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
1. **`อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน` (Dividend Yield):** ตัวนี้บอกว่า ถ้าเรา `ซื้อ` หุ้นตัวนี้ที่ `ราคาหุ้น` ปัจจุบัน เราจะได้ `เงินปันผล` กลับมาคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินที่เรา `ลงทุน` ไป คำนวณง่ายๆ คือ (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้นปัจจุบัน) x 100 ครับ ตัวเลขนี้แหละที่หลายคนใช้เทียบกับ `ดอกเบี้ยเงินฝาก` หรือ `ผลตอบแทน` จากสินทรัพย์อื่นอย่าง `พันธบัตรรัฐบาล`
* **เคล็ดลับ:** `อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน` ที่น่าสนใจ โดยทั่วไปควรจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด (ประมาณ 3% ในหลายช่วง) และที่สำคัญ ควรจะสูงกว่า `อัตราเงินเฟ้อ` ด้วยครับ เพราะถ้าปันผลน้อยกว่าเงินเฟ้อ กำลังซื้อเงินปันผลที่เราได้มาก็จะลดลงไป พูดง่ายๆ คือ `ผลตอบแทน` จากปันผลควรจะสัก 4-5% ต่อปีขึ้นไปถึงจะน่าสนใจครับ (แต่อย่าลืมดู `พื้นฐาน` ประกอบด้วยนะ!)
2. **`อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไร` (Dividend Payout Ratio):** ตัวนี้บอกว่า `บริษัท` เอา `กำไรสุทธิ` ที่หามาได้ มาจ่ายเป็น `เงินปันผล` ให้ผู้ถือหุ้นไปกี่เปอร์เซ็นต์ คำนวณจาก (เงินปันผลต่อหุ้น / `กำไรสุทธิต่อหุ้น`) x 100 ครับ
* **เคล็ดลับ:** `หุ้นปันผล` สูงๆ มักจะมี `อัตราส่วน` นี้อยู่ในระดับสูงครับ เช่น 70-80% หรืออาจจะมากกว่านั้น หมายถึง `บริษัท` ใจป้ำ แบ่ง `กำไร` มาคืนผู้ถือหุ้นเยอะ แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าที่เหลืออีก 20-30% เขาเก็บไว้ทำอะไร? ถ้าเอาไป `ลงทุน` ต่อยอด `ธุรกิจ` ให้เติบโตในอนาคตก็ดีไป แต่ถ้าไม่เก็บเลย หรือเอาไปจ่ายหนี้จนหมด ก็อาจจะไม่ยั่งยืนครับ

นอกจากสองตัวนี้ ก็มีตัวเลขอื่นๆ ที่ดูประกอบได้ เช่น `อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น` (PE) ไว้ดูว่า `ราคาหุ้น` แพงไปหรือยังเมื่อเทียบกับ `กำไร`, `อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น` (ROE) หรือ `อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์` (ROA) ไว้ดูประสิทธิภาพในการทำ `กำไร` ของ `บริษัท` ครับ
แล้วก็มี `ค่าเบต้า` (Beta) ที่บอกว่า `ราคาหุ้น` ตัวนี้ผันผวนมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับตลาดรวม `หุ้นปันผล` ที่ดี มักจะมี `ค่าเบต้า` ต่ำๆ ครับ แสดงว่าราคาค่อนข้างนิ่ง ไม่เหวี่ยงไปมาตามตลาดมากนัก
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ `หุ้น` ที่เกี่ยวกับ `ปัจจัย 4` หรือสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน มักจะมี `ผลประกอบการ` ที่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มจ่ายปันผลได้ต่อเนื่องครับ ลองสำรวจดู `หุ้น` ในกลุ่มนี้ก็ได้
**เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่นักลงทุนหุ้นปันผลควรรู้**
* **`เครื่องหมาย XD` (Excluding Dividend):** อันนี้สำคัญมากครับ ถ้าเห็น `เครื่องหมาย XD` ขึ้นหน้าชื่อหุ้นเมื่อไหร่ หมายความว่า ถ้าเราไป `ซื้อ` หุ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป เราจะไม่มีสิทธิได้รับ `เงินปันผล` ในงวดที่กำลังจะจ่ายแล้วครับ ถ้าอยากได้ปันผล ต้อง `ซื้อ` ก่อนวันขึ้น `เครื่องหมาย XD` ครับ (`เครื่องหมาย XD(ST)` คือจ่ายปันผลเป็นหุ้นนะ)
* ภาษี: `เงินปันผล` ที่เราได้เป็น `เงินสด` เนี่ย จะถูก `หักภาษี ณ ที่จ่าย` ไว้ 10% ก่อนที่เราจะได้รับเงินครับ อันนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องตกใจ แต่ก็ต้องเอาไปคำนวณตอนยื่นภาษีประจำปีด้วยนะ (บางทีขอคืนได้ บางทีต้องจ่ายเพิ่ม ขึ้นอยู่กับฐานภาษีเรา)
* ใครเหมาะกับ `หุ้นปันผล`? เหมาะกับคนที่ `ลงทุน` ระยะยาว ไม่ได้กะ `ซื้อ` วันนี้ขายพรุ่งนี้, คนที่ต้องการ `กระแสเงินสด` สม่ำเสมอ เหมือนได้ค่าเช่าจากทรัพย์สินที่ `ลงทุน`, คนที่ต้องการกระจาย `ความเสี่ยง` ในพอร์ต หรือคนที่มองหาทรัพย์สินที่มี `สภาพคล่อง` ในระดับหนึ่ง
**สรุปและข้อควรระวัง**
การ `ซื้อ หุ้น ปันผล` เป็นกลยุทธ์การ `ลงทุน` ที่น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มองหา `กระแสเงินสด` ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และต้องการลด `ความผันผวน` ในพอร์ต แต่จำไว้เสมอว่า `หุ้นปันผล` ที่ดี ไม่ใช่แค่ `อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน` สูงๆ เท่านั้นนะครับ แต่ต้องเป็นหุ้นของ `บริษัท` ที่มี `พื้นฐานธุรกิจ` แข็งแกร่ง มี `การเติบโต` มี `ฐานะทางการเงิน` ดี และมีประวัติการจ่ายปันผลที่ `สม่ำเสมอ` มาจาก `ผลการดำเนินงานปกติ` ครับ
อย่าลืมศึกษาข้อมูลของ `บริษัท` ที่สนใจให้ละเอียด ดูทั้ง `ผลประกอบการ` ย้อนหลัง `นโยบายการจ่ายเงินปันผล` และตัวเลข `อัตราส่วน` ต่างๆ ที่เราคุยกันไป
**⚠️ คำเตือน:** การ `ลงทุน` ใน `หุ้นปันผล` ก็ยังคงมีความ `ความเสี่ยง` เหมือนการ `ลงทุน` ใน `ตลาดหุ้น` ทั่วไปนะครับ `บริษัท` อาจจะหยุดจ่ายปันผล ลดสัดส่วนการจ่าย หรือ `ราคาหุ้น` อาจจะปรับตัวลงได้ตามสภาวะตลาดและผลประกอบการของ `บริษัท` เสมอ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ `ซื้อ` ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ประเมิน `ความเสี่ยง` ที่ตัวเองรับได้ และไม่ควรนำเงินทั้งหมดที่มีมา `ลงทุน` ในสินทรัพย์ประเภทเดียวครับ
ขอให้ทุกคนที่สนใจ `ซื้อ หุ้น ปันผล` สามารถคัดเลือกหุ้นดีๆ ที่จะช่วยสร้าง `กระแสเงินสด` และทำให้เป้าหมายทางการเงินของคุณสำเร็จได้ในระยะยาวนะครับ!