
เคยรู้สึกไหมครับว่า… เงินที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมา วางไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ ดอกเบี้ยก็ได้นิดเดียว สู้ภาวะข้าวของแพงขึ้นทุกวัน (เงินเฟ้อ) ก็ไม่ไหว มูลค่าเงินในกระเป๋ามันเหมือนจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ซะอย่างนั้น
หลายคนเริ่มมองหาทางออก อยากให้เงินทำงานแทนเราบ้าง แต่พอพูดถึง “การลงทุน” ทั้งหุ้น ทั้งกองทุนรวม ฟังแล้วดูยุ่งยากซับซ้อนไปหมด ต้องมีเงินเยอะไหม ต้องมีความรู้ขนาดไหน ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาหรือเปล่า?
จริงๆ แล้ว การลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ มีวิธีการลงทุนแบบหนึ่งที่เน้นความสม่ำเสมอ ไม่ต้องคอยจับจังหวะตลาดให้ปวดหัว นั่นก็คือ การลงทุนแบบ “ทยอยซื้อทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งในโลกการลงทุน เรามักจะเรียกกันว่า DCA หรือ Dollar-Cost Averaging นั่นเองครับ
การลงทุนแบบ DCA นี้ สามารถทำได้กับทั้ง “หุ้น” และ “กองทุนรวม” ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่เราจะมาคุยกันวันนี้ว่า การ ออม หุ้น คือ อะไร แล้วมันต่างจากการออมกองทุนรวมอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
**การ ออม หุ้น คือ อะไร? แล้วต่างจากออมกองทุนอย่างไร?**
พูดง่ายๆ การ ออม หุ้น คือ การที่เราค่อยๆ ซื้อหุ้นของบริษัทที่เราสนใจ ทีละน้อยๆ อาจจะกำหนดเป็นจำนวนเงินเท่าๆ กัน ทุกสัปดาห์ หรือ ทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าตอนนั้นราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง วิธีนี้ช่วยให้เราได้ราคาเฉลี่ยของหุ้นตัวนั้นในระยะยาว เป็นการสร้างวินัยการลงทุนไปในตัว และไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะซื้อขายที่แม่นยำ
ส่วน “การออมกองทุน” ก็คล้ายกันครับ คือการทยอยซื้อ “หน่วยลงทุน” ของกองทุนรวมที่เราเลือกไว้ ทีละน้อยๆ สม่ำเสมอเหมือนกัน แต่ความต่างที่สำคัญคือ:
1. **สิ่งที่ลงทุน:** การ ออม หุ้น คือ คุณเป็นเจ้าของ “หุ้น” ของบริษัทโดยตรง ส่วนการออมกองทุนคือคุณเป็นเจ้าของ “หน่วยลงทุน” ในกองทุนรวม ซึ่งตัวกองทุนรวมนี่แหละที่จะเอาเงินของคุณและคนอื่นๆ ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหลายๆ ตัว ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หรืออื่นๆ ตามนโยบายกองทุน
2. **ผู้จัดการ:** การ ออม หุ้น คือ คุณต้องเป็นคน “เลือกหุ้น” เอง ตัดสินใจเองว่าจะซื้อหุ้นบริษัทไหน ส่วนการออมกองทุนจะมี “ผู้จัดการกองทุน” ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำหน้าที่เลือกสินทรัพย์ จัดพอร์ตการลงทุนให้คุณ
3. **ความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยง:** การ ออม หุ้น ในหุ้นตัวเดียวมีความเสี่ยงสูงกว่า หากบริษัทที่เราลงทุนมีปัญหา ราคาหุ้นอาจตกหนักได้ง่ายๆ ส่วนการออมกองทุนรวม มักจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท หลายตัวอยู่แล้ว ทำให้ความเสี่ยงถูกกระจายออกไป (เหมือนกับไม่เอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว) ความเสี่ยงของกองทุนจึงมักจะน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นรายตัว
4. **เงินเริ่มต้น:** สมัยก่อน การซื้อหุ้นรายตัวต้องใช้เงินเยอะพอสมควรในการซื้อที่เรียกว่า 1 board lot (100 หุ้น) แต่ปัจจุบันการ ออม หุ้น แบบ DCA กับบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนน้อยๆ เช่น 1,000 บาทต่อหลักทรัพย์ต่อเดือน เหมือนกับการออมกองทุนที่มักจะเริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มากนัก บางแอปพลิเคชันเริ่มเพียง 1,000 บาท ก็ทำ DCA อัตโนมัติได้เลย
**ทำไมถึงควรพิจารณา การ ออม หุ้น หรือออมกองทุนในยุคนี้?**
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก เงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้เงินของเราด้อยค่าลงเรื่อยๆ การลงทุนจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็น “ความจำเป็น” เพื่อรักษาและเพิ่มพูนมูลค่าของเงินออม
ข้อมูลในอดีตก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนครับ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (อ้างอิงข้อมูลย้อนหลัง) ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในหุ้นไทย (ดัชนี SET) อยู่ที่ประมาณ 8-10% ต่อปี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 2.25-2.9% ต่อปี จะเห็นได้ว่าศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากหุ้นนั้นสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะต้องแลกมาด้วยความผันผวนและความเสี่ยงที่สูงกว่าก็ตาม
**ข้อดีและประโยชน์ของการ ออม หุ้น**

สำหรับคนที่สนใจ การ ออม หุ้น โดยเฉพาะ มีข้อดีที่น่าสนใจหลายประการครับ:
* **โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า:** หากเลือกหุ้นพื้นฐานดีได้ถูกตัว ในระยะยาวมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะเติบโตขึ้น บวกกับเงินปันผล ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมสูงกว่าการฝากเงิน หรือแม้แต่สูงกว่าบางกองทุนรวมได้
* **รับ “เงินปันผล”:** บริษัทที่มีกำไร มักจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งถือเป็นเหมือน “รายได้เสริม” ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เป็นกระแสเงินสดที่ดี ช่วยเพิ่มผลตอบแทนรวม
* **สร้าง “วินัย” การออมและการลงทุน:** การตั้งเงื่อนไขกับตัวเองว่าจะทยอยซื้อหุ้นทุกเดือน/ทุกงวด ทำให้เรามีวินัยในการออมเงินมาลงทุนอย่างสม่ำเสมอ กลายเป็นนิสัยทางการเงินที่ดี
* **เกิด “การเรียนรู้”:** เมื่อเราลงทุนในหุ้น เราจะเริ่มสนใจข่าวสารบริษัทที่ลงทุน ศึกษาเรื่องธุรกิจ เศรษฐกิจ กลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในโลกการเงินและการทำธุรกิจ
* **เตรียมพร้อมเพื่อเป้าหมาย “ระยะยาว”:** ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเกษียณ ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเป้าหมายใหญ่ๆ ในชีวิต การ ออม หุ้น อย่างสม่ำเสมอในระยะยาวมีพลังมากในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้
**ข้อคิด/หลักการสำคัญสำหรับคนจะ ออม หุ้น**
คุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุนชื่อดัง ก็เคยให้ข้อคิดดีๆ สำหรับนักลงทุนหุ้นระยะยาว รวมถึงคนที่อยากเริ่มต้น การ ออม หุ้น ไว้ว่า:
1. **ต้อง ออม ในหุ้น “พื้นฐานดี”:** เน้นลงทุนในบริษัทที่มีธุรกิจแข็งแกร่ง มีกำไรสม่ำเสมอ ไม่ใช่หุ้นที่หวือหวา เก็งกำไรตามข่าว
2. **สนใจ “มูลค่า” มากกว่า “ราคา”:** มองว่าเรากำลังซื้อธุรกิจ ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาน สนใจว่าบริษัทจะสร้างรายได้และจ่ายเงินปันผลให้เราได้เท่าไหร่เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุนไป
3. **ใช้ “เงินที่ตัดออกจากชีวิตได้”:** หรือที่เรียกว่า “เงินเย็น” เป็นเงินที่เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เงินสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อให้เงินก้อนนี้เติบโตและสร้างรายได้มา “เลี้ยงตัวเอง” ไม่ใช่เอาเงินที่จำเป็นไปเก็งกำไร
4. **ไม่หวั่นไหวกับราคาที่ “แกว่ง”:** ราคาหุ้นในระยะสั้นสามารถขึ้นๆ ลงๆ ได้ตามข่าวสารและอารมณ์ตลาด อย่าเพิ่งตกใจหรือรีบขายตามอารมณ์ หากเรามั่นใจในพื้นฐานบริษัท
5. **”จังหวะซื้อ” สำคัญที่สุด:** แม้จะเน้นทยอยซื้อสม่ำเสมอ แต่การซื้อหุ้นดีใน “ราคาที่ไม่แพง” ยิ่งเพิ่มโอกาสทำกำไร ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่ตลาดมีข่าวร้าย หรือราคาหุ้นปรับตัวลงมาโดยไม่มีสาเหตุจากพื้นฐานบริษัท
**ใครเหมาะกับการ ออม หุ้น แบบ DCA?**
การ ออม หุ้น แบบ DCA เหมาะสำหรับคนที่:
* สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงกว่าการออมกองทุนรวม
* คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนรวม
* มีความสนใจและมีความเข้าใจในธุรกิจหรือบริษัทที่เราจะลงทุน
* ต้องการสร้างวินัยและลงทุนระยะยาวจริงๆ
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกหุ้นเองได้ไหม หรือไม่มีเวลาศึกษามาก การออมกองทุนรวมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลให้
**เริ่มต้น การ ออม หุ้น หรือออมกองทุน ได้ที่ไหนบ้าง?**
ปัจจุบันมีช่องทางและเครื่องมือมากมายที่รองรับการลงทุนแบบ DCA ครับ
* **การออมกองทุน:** หลายแอปพลิเคชันด้านการลงทุน (ยกตัวอย่างเช่น Odini) มีระบบ DCA อัตโนมัติให้เราตั้งค่าได้เลย บางแอปพลิเคชันมี Robo-advisor (ผู้ช่วยอัจฉริยะ) ช่วยแนะนำการจัดพอร์ตกองทุนให้ด้วย และสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก เช่น 1,000 บาท
* **การ ออม หุ้น:** บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง (ยกตัวอย่างเช่น PhillipCapital) ก็มีบริการ DCA หุ้นให้เลือกลงทุนได้ เราสามารถเลือกหุ้นที่ต้องการ (มักจะมีรายชื่อหุ้นพื้นฐานดีให้เลือก เช่น จาก 36 ตัว สามารถเลือกได้สูงสุด 20 ตัว) กำหนดจำนวนเงินลงทุนต่องวด (เริ่มต้น เช่น 1,000 บาทต่อหลักทรัพย์) และเลือกวันที่ต้องการให้ระบบตัดเงินและซื้อหุ้นได้อัตโนมัติ

สำหรับคนที่สนใจ การ ออม หุ้น แบบ DCA ทาง PhillipCapital ยังได้ให้ข้อมูลหุ้นพื้นฐานดีที่เป็น Top Pick สำหรับการทำ DCA ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ไว้ด้วย (ข้อมูล ณ ขณะนั้น) ยกตัวอย่างเช่น BBL, CPALL, GULF, BH, WHA เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้นควรพิจารณาจากความเข้าใจธุรกิจของเราเองด้วยนะครับ
**สรุปและข้อคิดทิ้งท้าย**
ไม่ว่าจะเป็นการ ออม หุ้น หรือ การออมกองทุนรวม ทั้งสองแบบล้วนเป็นเครื่องมือการลงทุนระยะยาวที่ดี ช่วยสร้างวินัยการออม และมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินทั่วไป การเลือกใช้เครื่องมือไหน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ความรู้ เวลา และความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนแบบนี้ ไม่ใช่การเลือกหุ้นที่เก่งที่สุด หรือกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเพียงครั้งเดียว แต่คือ “วินัย” การลงทุนอย่างสม่ำเสมอต่างหากครับ การเริ่มต้นด้วยเงินน้อยๆ ก็ทำได้ และระบบ DCA อัตโนมัติช่วยให้เรามีวินัยได้ง่ายขึ้นมาก
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ มูลค่าของการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และผลตอบแทนในอดีตไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต
แต่หากมีความเข้าใจและมีวินัย การ ออม หุ้น คือ เส้นทางหนึ่งที่น่าสนใจในการสร้างความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวครับ