
เคยรู้สึกไหมครับว่าบางช่วงเวลาในชีวิต… เอ้ย! ในเศรษฐกิจ… มันดูดีไปซะหมด หางานง่าย ทำอะไรก็ขึ้นไปหมด แต่พออีกสักพัก ทำไมทุกอย่างมันดูยากลำบากไปหมด? ธุรกิจเงียบเหงา ผู้คนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย ความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้แหละครับ มันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีรูปแบบที่นักเศรษฐศาสตร์เขาสังเกตเห็นกันมานานแล้ว และเรียกมันว่า วัฏจักรธุรกิจ (Business Cycle) นั่นเอง
อ้าว! แล้วไอ้เจ้า วัฏจักร คือ อะไรกันแน่? พูดให้เห็นภาพง่ายๆ มันก็เหมือนวงจรชีวิตของอะไรสักอย่างนั่นแหละครับ มีเกิด มีเติบโต มีเต็มที่ แล้วก็มีอ่อนแรงลงไปบ้าง ก่อนจะวนกลับมาเริ่มต้นใหม่ เศรษฐกิจโดยรวมก็เป็นแบบนี้แหละครับ มันไม่ได้เติบโตเป็นเส้นตรงพุ่งขึ้นตลอดเวลา แต่จะมีช่วงที่ขยายตัวคึกคัก สลับกับช่วงที่หดตัวซบเซา ซึ่งการผันผวนขึ้นๆ ลงๆ นี้ เรามักจะดูได้จากตัวเลขสำคัญที่สุดตัวหนึ่งก็คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (real GDP หรือ Gross Domestic Product) ที่ปรับค่าตามอำนาจซื้อแล้วนี่แหละครับ มันเป็นเหมือนสมุดพกของประเทศ ที่บอกว่าในรอบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเราผลิตข้าวของและบริการออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
เจ้าวงจรชีวิตของเศรษฐกิจ หรือ วัฏจักร คือ แพทเทิร์นที่วนซ้ำไปมานี่แหละครับ โดยทั่วไปแล้ว นักเศรษฐศาสตร์มักจะแบ่งมันออกเป็น ๔ ช่วงหลักๆ ครับ คล้ายๆ กับฤดูกาลในบ้านเราที่มีร้อน ฝน หนาว สลับกันไป แต่ของเศรษฐกิจจะเป็น ๔ ช่วงที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของความมั่งคั่งและกำลังซื้อในระบบครับ
ลองมาดูกันทีละช่วงแบบเป็นกันเองนะครับ
**๑. ระยะฟื้นตัว (Recovery Phase): ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มหายใจคล่องขึ้น**
ลองนึกภาพตามนะครับว่า… หลังจากที่เศรษฐกิจเหมือนป่วยหนักๆ มาแล้ว ถึงจุดที่แย่ที่สุดของวงจร วัฏจักร คือ จุดที่ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด… มันจะเริ่มมีสัญญาณเล็กๆ ของการฟื้นคืนชีพครับ ระยะ “ฟื้นตัว” ก็เหมือนร่างกายที่เริ่มแข็งแรงขึ้นหลังป่วยหนัก เริ่มลุกเดินได้ กินข้าวอร่อยขึ้น
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มแสดงอาการ “ขยายตัว” ครับ แต่ยังไม่แรงมาก ผู้คนเริ่มกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หลังจากที่อั้นมานานเพราะกลัวไม่มีเงิน บริษัทต่างๆ เริ่มมองเห็นโอกาสกลับมาลงทุนเล็กๆ น้อยๆ หรืออย่างน้อยก็หยุดการปลดคนออก
สัญญาณสำคัญที่เราเห็นได้ชัดในระยะฟื้นตัวนี้ก็คือ ตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (real GDP) จะเริ่มกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง หรือถ้าเคยติดลบก็ติดลบน้อยลงเรื่อยๆ การบริโภค ของประชาชนเริ่มค่อยๆ เพิ่มขึ้น การลงทุน ของภาคธุรกิจก็เริ่มกระเตื้องขึ้น และที่สำคัญคือ อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ที่เคยสูงลิ่ว จะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องครับ
ลองมองรอบๆ ตัวในชีวิตประจำวันก็ได้ครับ ช่วงฟื้นตัวอาจจะยังไม่ถึงกับคึกคักหวือหวา แต่เราจะเริ่มเห็นร้านค้าที่เคยปิดไปเริ่มกลับมาเปิดใหม่ คนเริ่มกล้าไปเดินห้างมากขึ้น หรือบางทีบริษัทที่เราทำงานอยู่ก็เริ่มกลับมาจ้างพนักงานเพิ่มบ้างเล็กๆ น้อยๆ ครับ

**๒. ระยะรุ่งเรือง หรือ เฟื่องฟู (Peak / Prosperity / Boom Phase): ช่วงที่เศรษฐกิจฟิตปั๋งถึงขีดสุด**
พอฟื้นตัวจนเต็มที่ เริ่มมีแรง มีกำลัง เศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ช่วงที่พีคที่สุดของ วัฏจักร คือ ช่วง “รุ่งเรือง” หรือ “เฟื่องฟู” นี่แหละครับ! อันนี้แหละคือเวลาที่หลายคนแฮปปี้สุดๆ เหมือนงานปาร์ตี้ที่กำลังสนุกสนานเต็มที่ ผู้คนมีความสุข ดนตรีดัง อาหารเพียบ!
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจ “ขยายตัว” อย่างเต็มกำลังครับ ทุกอย่างดูดีไปหมด การลงทุน ใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ธุรกิจเก่าก็ขยายตัว การจ้างงาน อยู่ในระดับสูงมาก หรืออาจจะเรียกว่าแทบไม่มีคนว่างงานเลย อัตราการว่างงาน ต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดๆ ทำให้คนงานมีอำนาจต่อรองเรื่อง อัตราค่าจ้าง สูงขึ้นไปด้วย รายได้ต่อหัวของประชาชนก็อยู่ในระดับสูง กำไรของบริษัทต่างๆ พุ่งกระฉูด
ตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (real GDP) ในช่วงนี้จะเติบโตในอัตราที่สูงมากครับ แทบทุกตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจดูดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็น การบริโภค การลงทุน การจ้างงาน
ลองนึกภาพตามครับ ช่วงนี้เองที่เราอาจจะเห็นคนแห่กันไปซื้อบ้าน ซื้อรถกันเยอะแยะ ร้านอาหาร โรงแรมเต็มไปหมด บริษัทต่างๆ แย่งตัวพนักงานกัน บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มันง่ายจัง อยากได้งานก็ได้ อยากเปลี่ยนงานก็ได้เงินเดือนสูงขึ้น บรรยากาศโดยรวมคือความมั่นใจและมองโลกในแง่ดีสุดๆ ครับ
แต่นี่คือจุดสูงสุดของ วัฏจักร คือ จุดที่อาจจะต้องเริ่มระวัง! เพราะความร้อนแรงเกินไปบางครั้งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ได้ เช่น เงินเฟ้อ หรือการลงทุนที่มากเกินไปจนเกิดฟองสบู่ในบางภาคส่วนครับ
**๓. ระยะถดถอย (Contraction / Recession Phase): ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มเหนื่อยหอบ**
ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกราฉันใด เศรษฐกิจที่ร้อนแรงมากๆ ก็ย่อมมีวันที่จะเริ่ม… ชะลอตัวลงฉันนั้นครับ จากจุดสูงสุดของความเฟื่องฟู เศรษฐกิจจะเข้าสู่ระยะ “ถดถอย” (Recession) ครับ ลองนึกภาพตามนะครับว่า… เหมือนนักวิ่งมาราธอนที่วิ่งมาเต็มกำลังถึงเส้นชัยแล้วก็เริ่มชะลอฝีเท้าลง หรือรถที่กำลังวิ่งเร็วๆ แล้วเริ่มเหยียบเบรกเบาๆ
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่ม “หดตัว” ครับ หรืออัตราการขยายตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นิยามทางเทคนิคที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา คือการที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (real GDP) ติดลบ ๒ ไตรมาส (๖ เดือน) ติดต่อกันครับ
สัญญาณที่เราเห็นได้ชัดคือ การใช้จ่ายรวมในระบบเศรษฐกิจ เริ่มลดลง ทั้งการบริโภคของประชาชนและการลงทุนของภาคธุรกิจ ผลผลิต ที่ผลิตได้ในระบบเศรษฐกิจเริ่มลดลงหรือไม่เติบโตเพิ่มขึ้นแล้ว และที่น่ากังวลคือ อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ผู้คนเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตทางเศรษฐกิจ
ในชีวิตประจำวัน เราอาจจะเริ่มรู้สึกว่า… ร้านค้าเริ่มเงียบเหงาลง ผู้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง บริษัทที่เราทำงานอยู่เริ่มชะลอการจ้างงาน หรืออาจจะเริ่มมีข่าวลือเรื่องการลดขนาดองค์กร บรรยากาศเริ่มไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อนครับ
**๔. ระยะตกต่ำ (Trough / Depression Phase): ช่วงที่เศรษฐกิจป่วยหนักสุดๆ**
ถ้าอาการถดถอยมันรุนแรงและกินระยะเวลานานมากๆ โดยไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว มันก็จะเข้าสู่ระยะที่แย่ที่สุดของ วัฏจักร คือ ระยะ “ตกต่ำ” (Depression) ครับ อันนี้คือช่วงที่เศรษฐกิจเหมือนป่วยหนักจริงจัง… เหมือนรถที่เบรกแตกแล้วชนเข้ากับกำแพงอย่างแรง ทุกอย่างหยุดชะงัก
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมาก การลงทุน แทบจะหยุดชะงัก อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) พุ่งสูงปรี๊ดอย่างมหาศาล ผู้คนจำนวนมากไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ธุรกิจปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก เกิดภาวะขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรงในระบบเศรษฐกิจ
ลองย้อนไปดูประวัติศาสตร์ช่วงที่เลวร้ายมากๆ อย่าง Great Depression ในช่วงทศวรรษ ๑๙๓๐ หรือวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี ๒๕๕๑ (2008) ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก นั่นคือตัวอย่างของช่วงที่เศรษฐกิจเข้าใกล้ภาวะ “ตกต่ำ” ครับ
ในช่วงตกต่ำนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจแทบทุกตัวจะดูย่ำแย่ไปหมด ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (real GDP) ติดลบในอัตราที่สูงมาก การบริโภค การลงทุน การจ้างงาน ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

แต่จำไว้เสมอครับว่า วัฏจักร คือ วงจร มันมีขึ้นย่อมมีลง และมีลงย่อมมีขึ้นเสมอ เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่จุดที่ตกต่ำที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีที่จะลงไปกว่านี้อีกแล้ว… สิ่งที่จะตามมาก็คือการเตรียมพร้อมเข้าสู่ “ระยะฟื้นตัว” ในรอบถัดไปนั่นเอง
**ทำไมเราต้องรู้เรื่อง “วัฏจักร คือ” อะไร และมันมีผลต่อชีวิตเราอย่างไร?**
คุณอาจจะถามว่า… แล้วไอ้เรื่อง วัฏจักร คือ การขึ้นลงของเศรษฐกิจพวกนี้ มันเกี่ยวอะไรกับชีวิตประจำวันของเราด้วยล่ะ? เกี่ยวมากเลยครับ! การทำความเข้าใจว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร เป็นเหมือนกับการที่เราดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าครับ
ถ้าเรารู้ว่าพายุ (ภาวะถดถอย/ตกต่ำ) กำลังจะมา เราก็จะได้เตรียมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเผื่อฉุกเฉิน การชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือการมองหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้ตัวเองพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน
ในทางกลับกัน ถ้ารู้ว่าแสงแดดสดใส (ภาวะฟื้นตัว/รุ่งเรือง) กำลังจะมา เราก็อาจจะมองเห็นโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ การลงทุนที่อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น หรือการเจรจาต่อรองเรื่องเงินเดือนและตำแหน่ง
นักลงทุนเองก็ใช้ความเข้าใจเรื่อง วัฏจักร คือ เครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหน หรือควรจะเข้าลงทุนในช่วงเวลาใด โดยทั่วไปแล้ว หุ้นมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงฟื้นตัวและรุ่งเรือง ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลอาจจะน่าสนใจกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะและกลยุทธ์ของแต่ละบุคคลครับ
บางที การที่เราเข้าใจว่า วัฏจักร คือ ธรรมชาติของเศรษฐกิจ มันก็ช่วยให้เราไม่ตื่นตระหนกตกใจมากเกินไปเวลาที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว หรือไม่ประมาทจนเกินไปในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู
ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่อง วัฏจักร คือ อะไร มีกี่ช่วง และแต่ละช่วงเป็นอย่างไร มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยครับ แต่มันคือความรู้พื้นฐานที่จะช่วยให้เราวางแผนชีวิต การงาน และการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้ การมีแผนที่นำทางที่ดี ย่อมดีกว่าการเดินทางไปแบบไร้ทิศทางแน่นอนครับ
**ข้อคิดทิ้งท้ายสำหรับการรับมือกับ วัฏจักรธุรกิจ**
* **ช่วงฟื้นตัว:** เริ่มมองหาโอกาสในการลงทุนหรือขยายธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ สร้างความมั่นคงในหน้าที่การงาน
* **ช่วงรุ่งเรือง:** เป็นเวลาที่ดีในการเก็บออมเงิน สร้างทรัพย์สิน และชำระหนี้สิน แต่อย่าประมาทกับความร้อนแรงของตลาดจนเกินไป ระวังฟองสบู่
* **ช่วงถดถอย/ตกต่ำ:** เน้นความปลอดภัยทางการเงิน ลดหนี้สินที่ไม่จำเป็น สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน หาความรู้เพิ่มเติม พัฒนาทักษะ อาจเป็นโอกาสในการลงทุนสำหรับผู้ที่บริหารความเสี่ยงได้ดี
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติ ไม่ตื่นตระหนกไปกับข่าวร้ายในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี และไม่เหลิงไปกับความสำเร็จในช่วงที่เศรษฐกิจดีเกินไปครับ เพราะจำไว้เสมอว่า วัฏจักร คือ การเคลื่อนไหวที่มีขึ้น มีลง เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในระบบเศรษฐกิจโลกครับ
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์แต่ละประเภทให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และพิจารณาความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ไม่ควรนำเงินทั้งหมดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง