
เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า… ทำไมหุ้นของบริษัทที่ทำ ‘ชิป’ เล็กๆ ที่เราเห็นอยู่ในคอมพิวเตอร์หรือการ์ดจอเล่นเกม ถึงได้ดังระเบิดจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกไปได้? เรื่องนี้แหละที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันสุดๆ ในวงการการเงิน โดยเฉพาะเรื่อง ราคาหุ้นnvidia ที่ช่วงนี้เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาคุยกันแบบสบายๆ สไตล์เม้าท์มอยเรื่องการเงิน แต่ก็อัดแน่นด้วยข้อมูลจากกูรูและตัวเลขจริงๆ กันนะ
เอาล่ะ เรากำลังพูดถึงบริษัทชื่อดังนามว่า บริษัท เอ็นวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation) หรือที่คนในตลาดหุ้นรู้จักกันในชื่อย่อ เอ็นวีดีเอ (NVDA) เขาเป็นผู้นำด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งแต่ก่อนก็เจ๋งเรื่องเกมและงานออกแบบนั่นแหละ แต่จู่ๆ โลกก็ก้าวเข้าสู่ยุคของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ (AI) อย่างรวดเร็ว และเจ้าชิปของเอ็นวิเดียนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ AI ฉลาดขึ้นได้! ลองนึกภาพตามนะ AI มันต้องคำนวณประมวลผลข้อมูลมหาศาลมากๆ เพื่อเรียนรู้ ซึ่งชิปของเอ็นวิเดียทำเรื่องนี้ได้ดีกว่าใครเพื่อนในตอนนี้ ทำให้ความต้องการชิปของเขาพุ่งพรวด โดยเฉพาะจากพวกศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ทั่วโลก กลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาล คิดเป็นเกือบ 90% ของรายได้ของบริษัทในปีการเงิน 2568 เลยนะ ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็จับจ้อง ราคาหุ้นnvidia กันขนาดนี้
มาดูเรื่อง ราคาหุ้นnvidia กันบ้าง ช่วงนี้อาจจะดูแกว่งๆ ลงมาบ้างนิดหน่อย อย่างข้อมูลล่าสุด ราคาหุ้นnvidia ปรับลดลงไป -2.87% ใน 24 ชั่วโมง หรือประมาณ -7.20% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนใจหายใจคว่ำเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นnvidia พุ่งแรงแซงทางโค้งสุดๆ ถ้ามองย้อนไปหนึ่งปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นnvidia ยังเพิ่มขึ้นมาถึง 14.89% เลยนะ แสดงให้เห็นถึงแรงเหวี่ยงที่รุนแรงของมัน ตัวเลขนี้มาจากข้อมูลดิบ ณ วันที่สรุปนะ ไม่ใช่ราคาเรียลไทม์เป๊ะๆ ตอนที่คุณอ่าน แต่แนวโน้มมันบอกเราว่าหุ้นตัวนี้ผันผวนมากๆ ค่า ‘เบต้า’ (Beta) ของหุ้นเอ็นวิเดียที่สูงถึง 2.51 ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าหุ้นตัวนี้มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโดยรวมมากกว่าหุ้นทั่วไปเยอะเลย เปรียบง่ายๆ ถ้าตลาดขึ้น หุ้นเอ็นวิเดียมักจะขึ้นแรงกว่า แต่ถ้าตลาดลง ก็มีโอกาสลงแรงกว่าเช่นกันนะจ๊ะ

ถามว่าทำไมถึงผันผวนขนาดนี้ ก็เพราะธุรกิจมันโตเร็วมาก และความคาดหวังของตลาดก็สูงลิ่วด้วยไงล่ะ! ลองดูตัวเลขผลประกอบการล่าสุดสิ รายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดสุดๆ อย่างในไตรมาสล่าสุด รายได้สูงถึง 39.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้เสียอีก การเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 77.9% ส่วนกำไรสุทธิก็โตตาม (83.6% ปีต่อปี) ตัวเลขเหล่านี้บอกเราว่าบริษัท เอ็นวิเดีย ทำเงินได้เก่งจริงๆ และที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ ‘อัตรากำไร’ (Profit Margin) ของเขาสูงมากๆ อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 53.40% ใน 12 เดือนย้อนหลัง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเดียวกันลิบลับ แสดงว่าขายของได้กำไรเนื้อๆ เน้นๆ เลยนะ แม้จะมีกำไรมหาศาลขนาดนี้ แต่ปันผลน้อยนะ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่แค่ 0.039% เท่านั้นเอง เหตุผลก็คือ บริษัทเน้นนำกำไรมหาศาลที่ได้ไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด AI ที่กำลังแข่งขันกันดุเดือดนั่นเอง ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เข้าใจและยอมรับได้ เพราะเป้าหมายหลักคือการเติบโตของ ราคาหุ้นnvidia ในระยะยาวมากกว่าปันผล
แล้วพวกกูรูทางการเงิน หรือนักวิเคราะห์เขามอง ราคาหุ้นnvidia ตัวนี้ยังไงกันบ้าง? จากข้อมูลการประเมินของนักวิเคราะห์หลายๆ สำนัก ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำไปในทิศทาง ‘ซื้อรุนแรง’ (Strong Buy) นะ โดยมีนักวิเคราะห์ถึง 39 ใน 42 คน (ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) ที่แนะนำให้ซื้อ ตัวอย่างเช่น วิลเลียม สไตน์ จาก ทรัสต์ ซีเคียวริตส์ (Trust Securities) ก็ให้มุมมองเชิงบวกมากๆ หรือ ริค สเคเฟอร์ ก็คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีกว่าที่คาดไว้เสียอีก ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์มองไว้ในอีก 1 ปีข้างหน้าก็สูงกว่า ราคาหุ้นnvidia ตอนนี้พอสมควรเลยนะ อยู่ในช่วงประมาณ 161 – 174 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นศักยภาพในการเพิ่มขึ้นประมาณ 45-47% จากราคาปัจจุบัน (ตามข้อมูลหนึ่งชุด) ถึงแม้ว่าราคาเป้าหมายจะมีหลากหลาย ตั้งแต่ประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งใกล้เคียงราคาต่ำสุดของนักวิเคราะห์) ไปจนถึง 235 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งเป็นการมองโลกในแง่ดีมากๆ แต่โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตของ ราคาหุ้นnvidia อีกเยอะ อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าการคาดการณ์ก็คือการคาดการณ์ และสัญญาณทางเทคนิคบางทีก็บอกว่า ‘เป็นกลาง’ หรือ ‘มีแรงขาย’ ก็มีให้เห็นนะ แสดงว่าตลาดเองก็ยังมีมุมมองที่หลากหลาย และต้องติดตามปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มสนใจ ราคาหุ้นnvidia ขึ้นมาบ้าง แล้วนักลงทุนไทยอย่างเราๆ จะลงทุนในหุ้นตัวนี้ได้ยังไงบ้าง? มีหลายช่องทางให้เลือกเลยนะ ง่ายที่สุดคืออาจจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์โดยตรงที่ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้ หรืออีกทางเลือกคือใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ไทยที่เขามีบริการเชื่อมต่อไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างเช่น Dime Innovest X ที่เป็นตัวอย่างหนึ่งของบริการแบบนี้ อีกวิธีที่สะดวกสำหรับนักลงทุนไทยมากๆ คือการซื้อ ‘ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ’ (NVDR) ของหุ้นตัวนี้ ซึ่งมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยเลยนะ สัญลักษณ์คือ ‘เอ็นวีดีเอแปดศูนย์เอ็กซ์’ (NVDA80X) ซึ่งออกโดย ธนาคารกรุงไทย (KTB) ทำให้เราลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้นเหมือนซื้อหุ้นไทยทั่วไปเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหน สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมเมื่อลงทุนในหุ้นต่างประเทศคือเรื่อง ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ (Exchange Rate) ของเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐนะ เพราะเวลาซื้อเราต้องใช้เงินดอลลาร์ และเวลาขายได้เงินมาก็ต้องแลกกลับเป็นเงินบาท ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนก็เป็นอีกความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง และอาจมีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินด้วย บริการอย่าง Wise (ไวส์) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้การจัดการเงินหลายสกุลง่ายขึ้น โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนกลางของตลาด ซึ่งอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้บ้างนะ

สรุปแล้ว บริษัท เอ็นวิเดีย ยังคงเป็น ‘ตัวท็อป’ ในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ ปัญญาประดิษฐ์ ที่ความต้องการชิปของเขายังคงเติบโตอย่างมหาศาล ตัวเลขผลประกอบการก็แข็งแกร่งสุดๆ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็มองว่า ราคาหุ้นnvidia ยังมีโอกาสไปต่อได้อีกเยอะเลยทีเดียว
แต่! อย่าลืมว่าการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในประเทศ ทั้งจากตัวหุ้นเองที่ผันผวนสูงมาก ความไม่แน่นอนของตลาดโลก การแข่งขันในอุตสาหกรรม (เอ็นวิเดียก็มีคู่แข่งนะ เช่น เอเอ็มดี และ อินเทล) และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เราคุยกันไปแล้ว
⚠️ **คำเตือนเพื่อความปลอดภัยในการลงทุน:** ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลเพื่อการศึกษาและประกอบการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำให้ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใดนะ ก่อนตัดสินใจลงทุนใน ราคาหุ้นnvidia หรือหุ้นตัวไหนก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลบริษัทให้รอบคอบมากๆ ทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองด้วย หากยังไม่มั่นใจ หรือมีข้อสงสัย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ได้รับใบอนุญาตก่อนตัดสินใจลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ นะจ๊ะ!