
ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดข่าวที่ไหน ก็มักจะเห็นคำว่า ‘ตลาดหุ้นอเมริกา’ หรือ ‘หุ้นเทคอเมริกา’ โผล่มาบ่อยๆ จนหลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ… ทำไมต้องเป็นอเมริกา? ตลาดหุ้นไทยที่เราคุ้นเคยก็มีอยู่แล้วนี่นา แล้ว หุ้นอเมริกา น่าสนใจ จริงๆ เหรอ มีอะไรให้เราได้ลุ้นได้ลงทุนกันบ้าง?
ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ ตลาดหุ้นไทยก็เหมือนร้านอาหารเจ้าประจำที่เราคุ้นเคย อร่อยนะ แต่อาจจะมีเมนูให้เลือกไม่กี่อย่าง เน้นไปที่อาหารไทยเป็นหลัก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือตลาดอเมริกาเนี่ย เหมือนบุฟเฟต์นานาชาติที่รวมอาหารเด็ดๆ จากทั่วโลกมาไว้ที่เดียว มีตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำๆ ยาและอุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงพลังงานสะอาด เรื่องความหลากหลายและโอกาสในการเติบโต ถือว่าจัดเต็มกว่ามากๆ ครับ
ในปี 2024 ที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ก็ยิ่งทำให้ หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ขึ้นไปอีก เพราะอเมริกายังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นเหมือนหัวรถจักรที่พร้อมจะพาลูกทัวร์อย่างนักลงทุนไปสู่โอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ตอนนี้อย่าง ‘AI’ หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่ได้มีผลแค่กับบริษัทเทคฯ อย่างเดียว แต่กำลังเข้าไปพลิกโฉมแทบทุกอุตสาหกรรมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ที่ใช้ประมวลผล ซอฟต์แวร์สำหรับ AI หรือแม้แต่โครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่รองรับการทำงานของ AI ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าจับตาในตลาด หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ตรงที่มีบริษัทที่เป็นผู้นำในด้านนี้อยู่เพียบครับ

นอกจาก AI แล้ว เทคโนโลยีอื่นๆ อย่างรถยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมิร์ซ หรือความบันเทิงรูปแบบใหม่ๆ ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นโยบายภาครัฐทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปที่สนับสนุนพลังงานสะอาดก็สร้างโอกาสให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม หรือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ นี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ในมุมของการลงทุนระยะยาว เพราะเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมุ่งไป
เวลาพูดถึงตลาดหุ้นอเมริกา เรามักจะนึกถึงดัชนีหลักๆ ที่เป็นเหมือนมาตรวัดสุขภาพของตลาดโดยรวม ที่ควรรู้ก็จะมี
* **S&P 500** (เอสแอนด์พี 500): รวมหุ้น 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เป็นตัวแทนภาพรวมตลาดหุ้นขนาดใหญ่ได้ดีที่สุดครับ
* **Nasdaq** (แนสแด็ก): ตลาดนี้เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นพิเศษ ถ้าพูดถึงบริษัทเทคฯ ชั้นนำของโลก ส่วนใหญ่จะอยู่ในนี้
* **Dow Jones Industrial Average** (ดาวโจนส์): ดัชนีที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ประกอบด้วยหุ้น 30 บริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ครับ
การได้รู้จักดัชนีเหล่านี้ช่วยให้เราพอจะมองออกว่าตอนนี้ภาพรวมตลาด หุ้นอเมริกา น่าสนใจ อยู่ในภาพไหน กลุ่มไหนกำลังนำตลาดอยู่
ทีนี้ ลองมาเจาะดูรายชื่อหุ้นหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักวิเคราะห์มองว่า หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ในช่วงนี้กันบ้างดีกว่าครับ
แน่นอนว่ากลุ่มที่มาแรงแซงทางโค้งก็คือ **กลุ่มหุ้น AI** จากข้อมูลที่รวบรวมมาพบว่า กลุ่มหุ้น AI เด่นๆ บางกลุ่มให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 60% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และยังมีอัตรากำไรที่ดีด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่เติบโตเร็ว แต่ยังทำกำไรได้จริงจากการนำ AI มาใช้และพัฒนาสินค้า/บริการ
ลองดูตัวอย่างหุ้น AI ที่น่าสนใจบางตัว:
* **Twilio** (ทวิลิโอ) (TWLO): บริษัทนี้ทำแพลตฟอร์มสื่อสารที่นักพัฒนาชอบใช้ ลองนึกภาพเวลาที่เราได้ SMS ยืนยันการสั่งซื้อของออนไลน์ หรือข้อความแจ้งเตือนต่างๆ หลายครั้งก็มาจากแพลตฟอร์มแบบนี้แหละครับ Twilio นำ AI มาใช้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น หุ้นตัวนี้ฟื้นตัวและเติบโตโดดเด่นในปีที่ผ่านมา งบการเงินดีขึ้น ขาดทุนน้อยลง และกระแสเงินสดเป็นบวก เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ครับ
* **Celestica** (เซเลสติก้า) (CLS): ตัวนี้อาจไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่เป็นตัวสำคัญเบื้องหลัง AI เลยครับ เพราะเขาเน้นผลิตโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้เยอะมากและเติบโตแบบก้าวกระโดด หุ้นตัวนี้ให้ผลตอบแทนน่าทึ่งกว่า 255% ในปีที่ผ่านมา งบก็ออกมาดีต่อเนื่อง แถมยังมีการประเมินมูลค่าที่ดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตในอนาคตด้วยครับ
* **DocuSign** (ดอคคิวไซน์) (DOCU): ผู้นำด้านลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้กันเวลาเซ็นเอกสารออนไลน์ บริษัทนี้ก็เอา AI มาช่วยจัดการเอกสารให้ฉลาดขึ้น ตรวจสอบง่ายขึ้น ลดขั้นตอนยุ่งยาก ผลประกอบการล่าสุดก็ดีกว่าที่คาด ทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นมาน่าสนใจ มีโอกาสเติบโตได้อีกทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป

นอกจากกลุ่ม AI ที่โดดเด่นแล้ว ถ้ามองไปที่กลุ่ม “พี่ใหญ่” หรือหุ้นขนาดใหญ่มากๆ (Big Cap) ในตลาด หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ที่เราคุ้นชื่อกันดี จากข้อมูลผลประกอบการช่วงปลายปี 2023 ก็ยังคงแข็งแกร่ง เช่น
* **Microsoft** (ไมโครซอฟท์) (MSFT): รายได้หลักยังคงมาจากคลาวด์อย่าง Azure กำไรสวย
* **Apple** (แอปเปิล) (AAPL): iPhone ยังเป็นพระเอกที่ทำรายได้หลัก
* **Alphabet** (อัลฟาเบท) (GOOGL) (บริษัทแม่ Google): รายได้ส่วนใหญ่มาจากโฆษณาบน Search ที่ยังเติบโตได้ดี
* **Amazon.com** (อเมซอนดอทคอม) (AMZN): แม้จะใหญ่แล้ว แต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและคลาวด์อย่าง AWS ก็ยังขับเคลื่อนให้เติบโต
มองข้ามไปอีกอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในตลาด หุ้นอเมริกา น่าสนใจ ในระยะยาวก็คือ **กลุ่มหุ้นยา (Healthcare/Pharmaceuticals)** เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ลองคิดดูว่าประชากรโลกกำลังมีอายุยืนยาวขึ้น ความต้องการยาและบริการทางการแพทย์ก็ย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ แถมเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็ก้าวหน้าไปไม่หยุด ทำให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ กลุ่มนี้เลยมีแนวโน้มเติบโตที่แข็งแกร่งในเชิงโครงสร้าง
ตัวอย่างหุ้นยาขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ:
* **Johnson & Johnson** (จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน) (JNJ): บริษัทสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อเสียงเรื่องความมั่นคง เป็นกลุ่ม ‘Dividend King’ ที่จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมานานกว่า 50 ปี ธุรกิจกระจายตัวทั้งยา อุปกรณ์การแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค เหมาะกับคนที่มองหาหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัยและมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
* **Pfizer** (ไฟเซอร์) (PFE): ที่เราคุ้นเคยกันดีจากวัคซีน COVID-19 Pfizer เป็นบริษัทชั้นนำที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย แต่ก็มีความท้าทายในการบริหารจัดการความเสี่ยงเรื่องสิทธิบัตรยาที่จะหมดอายุและการแข่งขันในตลาด
* **Merck & Co.** (เมอร์ค แอนด์ โค) (MRK): มีผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง Keytruda ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ก็มีความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากยาตัวนี้ค่อนข้างสูง
* **AbbVie** (แอบบ์วี) (ABBV): เคยมี Humira เป็นยาทำเงินมหาศาล แต่ตอนนี้กำลังเผชิญความท้าทายจากการหมดอายุสิทธิบัตรยาสำคัญตัวนี้
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มดูหุ้นตัวไหนดี ลองดูจากรายชื่อหุ้นที่นักลงทุนไทยสนใจและซื้อขายกันมากที่สุดผ่านโบรกเกอร์ต่างๆ ก็ได้ครับ อย่างข้อมูลจาก KSecurities ในปี 2024 เผย 10 อันดับหุ้นสหรัฐฯ ที่คนไทยเทรดเยอะสุด ก็มีแต่ชื่อที่เราคุ้นเคยทั้งนั้นเลยครับ เช่น **Nvidia Corp.** (เอ็นวิเดีย คอร์ป) (NVDA) ผู้นำด้านชิป AI, **Meta Platforms Inc.** (เมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์) (META) เจ้าของ Facebook/Instagram ที่รายได้โฆษณากลับมาฟื้นตัว, **Tesla Inc.** (เทสลา อิงค์) (TSLA) ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า หรือ **Microsoft Corp.** (ไมโครซอฟท์ คอร์ป) (MSFT) และ **Alphabet Inc.** (อัลฟาเบท อิงค์) (GOOGL) ที่เรากล่าวถึงไปแล้วครับ รายชื่อเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหลักครับ
พอรู้แล้วว่า หุ้นอเมริกา น่าสนใจ มีกลุ่มไหนหรือตัวไหนเด่นๆ แล้ว เราจะเข้าไปลงทุนได้อย่างไรล่ะ? มีอยู่ 2 ช่องทางหลักๆ ครับ คือ:
1. **ลงทุนในหุ้นรายตัวโดยตรง:** ถ้าเราศึกษาข้อมูลมาอย่างดี มั่นใจในบริษัทที่เราเลือก ก็สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศและเข้าซื้อหุ้นตัวที่เราสนใจได้เลยครับ
2. **ลงทุนผ่านกองทุนรวม:** สำหรับใครที่อาจจะยังไม่สะดวกเลือกหุ้นรายตัว หรืออยากกระจายความเสี่ยงไปยังหลายๆ บริษัทในตลาดอเมริกาพร้อมๆ กัน การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ มีกองทุนหลายกองให้เลือกที่เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หรือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี/AI โดยเฉพาะ
สุดท้ายนี้ แม้ว่าตลาด หุ้นอเมริกา น่าสนใจ และเต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ปัจจัยต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้แต่ข่าวสารเฉพาะบริษัทก็มีผลต่อราคาหุ้นได้หมด นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นต่างประเทศยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เราต้องคำนึงถึงด้วยครับ
⚠️ **คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต และอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ครับ
สำหรับใครที่สนใจ หุ้นอเมริกา น่าสนใจ จริงๆ และอยากเริ่มต้น อาจจะลองศึกษาข้อมูลบริษัทที่เราสนใจให้ลึกขึ้น หรือถ้ายังไม่มั่นใจในการเลือกหุ้นรายตัว การพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ผู้จัดการกองทุนเป็นคนคัดเลือกหุ้นให้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้าถึงโอกาสในตลาดหุ้นที่ใหญ่และน่าตื่นเต้นแห่งนี้ครับ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีสติและประสบความสำเร็จครับ!