เจาะลึกหุ้น โรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) ปี 2568: โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องรู้!

เอาล่ะครับ มาพูดคุยเรื่องหุ้นโรงพยาบาลกันบ้าง ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่ชอบเล่าเรื่องให้ฟังง่ายๆ สบายๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟคุยกัน เรื่องการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อาจจะฟังดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมันใกล้ตัวกว่าที่คิดเยอะเลยครับ

ลองนึกภาพตามดูนะครับว่า ช่วงที่เศรษฐกิจบ้านเราดูจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีก็สดใส บางทีก็อึมครึมเหมือนฝนจะตก หลายคนอาจจะกำลังมองหา “หลุมหลบภัย” หรือสินทรัพย์ที่พอจะต้านทานความผันผวนได้บ้าง แล้ว เอ๊ะ! นอกจากทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังมีอะไรอีกนะที่คนเรายังคงใช้บริการอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร?

ใช่แล้วครับ… “สุขภาพ” นั่นเอง

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือร้าย เราก็ยังต้องการการดูแลสุขภาพจริงไหมครับ? ไม่สบายก็ต้องไปหาหมอ ประสบอุบัติเหตุก็ต้องเข้าโรงพยาบาล หรือแม้แต่คนที่มีกำลังทรัพย์หน่อย ก็อยากดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน อยากทำสวย อยากเสริมความงาม ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพจึงถือเป็นหนึ่งใน “หุ้นกลุ่มเชิงรับ” ที่น่าจับตาในยามที่ความไม่แน่นอนปกคลุมตลาดหุ้นครับ

ข้อมูลล่าสุดจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์อย่าง บล.หยวนต้า เค้ามองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโรงพยาบาลในปี 2568 เนี่ย ยังคงน่าสนใจอยู่ทีเดียวครับ มีหลายปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คนเริ่มกลับมาใช้จ่ายเพื่อสุขภาพมากขึ้น การขยายธุรกิจของโรงพยาบาลเอง ทั้งการเพิ่มจำนวนเตียง สร้างโรงพยาบาลใหม่ หรือเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่างๆ แถมยังมีแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐบางส่วนด้วย

แต่แน่นอนว่า ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงครับ ประเด็นหนึ่งที่เคยสร้างความกังวลอยู่บ้าง คือเรื่องแนวโน้มของ “ระบบร่วมจ่าย” หรือ Co-payment ในระบบประกันสุขภาพ ซึ่งหมายถึงคนไข้จะต้องร่วมจ่ายค่ารักษากับบริษัทประกัน แต่จากการประเมินของนักวิเคราะห์ เค้ามองว่าผลกระทบส่วนนี้จะค่อนข้างจำกัดครับ เพราะส่วนใหญ่จะกระทบกับโรคที่ไม่รุนแรงมากนัก และในอีกมุมหนึ่ง เบี้ยประกันที่ถูกลงจากการมีระบบร่วมจ่าย อาจจะยิ่งจูงใจให้คนหันมาซื้อประกันสุขภาพเอกชนมากขึ้นก็ได้นะ นี่ก็เป็นอีกมุมที่น่าคิดครับ

ทีนี้ ถ้ามองมาที่ตลาดหุ้นโรงพยาบาลโดยเฉพาะในปี 2568 (ข้อมูล ณ ก.พ. 2568) จะเห็นว่ามีหลายตัวที่ราคาหุ้นทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยครับ เหมือนเป็นการตอกย้ำว่ากลุ่มนี้ยังคงเป็นที่สนใจจริงๆ ซึ่งผู้นำในเรื่องผลตอบแทนที่โดดเด่นก็หนีไม่พ้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH และอีกเจ้านึงที่เราจะโฟกัสกันวันนี้คือ หุ้น โรง พยาบาล กรุงเทพ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า BDMS นั่นเองครับ

ถ้าลองเปรียบเทียบตัวเลขคร่าวๆ จากหุ้นโรงพยาบาลชั้นนำในปี 2568 (ข้อมูล ก.พ. 2568) จะเห็นภาพชัดขึ้นครับ

* บำรุงราษฎร์ (BH): มูลค่าตลาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท (139,110.29 ล้านบาท) ราคาต่อหุ้นก็ค่อนข้างสูง (183 บาท) แต่ที่น่าสนใจคืออัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) อยู่ที่ 18.34 เท่า ซึ่งถือว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงถึง 31.91% แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรได้ดีมากๆ ครับ
* กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS): เจ้านี้มูลค่าตลาดใหญ่กว่า BH เยอะครับ (355,980.84 ล้านบาท) เป็นเครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในไทย ราคาต่อหุ้นอยู่ที่ 23.30 บาท ส่วน P/E อยู่ที่ 22.81 เท่า และ ROE ที่ 16.77% ครับ
* ส่วนเจ้าอื่นๆ อย่าง BCH, CHG, PR9, VIBHA, THG ก็มีตัวเลขแตกต่างกันไปครับ แต่ที่เห็นชัดๆ คือ BH และ BDMS เป็นสองผู้นำของกลุ่มนี้จริงๆ

ทีนี้มาเจาะลึกที่ หุ้น โรง พยาบาล กรุงเทพ หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) กันแบบเน้นๆ เลยครับ

ถ้าจะบอกว่า BDMS เป็น “ยักษ์ใหญ่” ในวงการโรงพยาบาลเอกชนไทยก็คงไม่ผิด เพราะนี่คือเครือข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน มีโรงพยาบาลในเครือกว่า 50 แห่ง ครอบคลุมแทบทุกพื้นที่สำคัญ ทั้งในไทยและยังมีที่กัมพูชาด้วย วิสัยทัศน์ของเค้าก็ใหญ่ไม่แพ้ตัวเลยครับ คือมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเน้นการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน

สิ่งที่ทำให้ BDMS แข็งแกร่งมากๆ ก็คือความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายนี่แหละครับ มีโรงพยาบาลหลากหลายแบรนด์ที่คุ้นหูเราดี เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ (Bangkok Hospital), โรงพยาบาลสมิติเวช (Samitivej Hospital), โรงพยาบาลบี เอ็น เอช (B.N.H. Hospital), โรงพยาบาลพญาไท (Phyathai Hospital), โรงพยาบาลเปาโล (Paolo Hospital), โรงพยาบาลรอยัล (Royal Hospital) ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นและฐานลูกค้าที่แตกต่างกันไป ทำให้ครอบคลุมผู้ป่วยได้ทุกกลุ่ม ทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ป่วยเงินสด, ผู้ป่วยที่ใช้ประกันสุขภาพเอกชน, ไปจนถึงผู้ป่วยในระบบประกันสังคม

มองที่โครงสร้างรายได้ในปี 2567 (จากรายงาน 56-1) จะเห็นว่ารายได้หลัก 94.80% มาจาก “ค่ารักษาพยาบาล” ซึ่งเติบโตขึ้น 6.80% เทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่าธุรกิจหลักยังคงเติบโตได้ดี นอกนั้นก็เป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและรายได้อื่นๆ ครับ โดยรวมแล้วรายได้ของ BDMS ในปี 2567 เติบโตถึง 7.11% ครับ

นอกจากความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายและรายได้ที่มั่นคงแล้ว BDMS ยังโดดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้วยนะครับ เค้ามีการลงทุนและพัฒนาบริการทางการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และสุขภาพดิจิทัลต่างๆ มีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยวินิจฉัยโรคทรวงอก ซึ่งได้รับรางวัล SET Awards 2024 ด้วยนะ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีมายกระดับบริการ

มองไปข้างหน้า BDMS ก็มีแผนธุรกิจรองรับการเติบโตที่น่าสนใจ เช่น การสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ การพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง และยังมีโครงการสร้างโรงพยาบาลใหม่ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพปลวกแดง เพื่อรองรับการเติบโตในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยครับ แผนเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า BDMS ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่พร้อมจะเติบโตและปรับตัวอยู่เสมอ

กลับมาที่ปัจจัยภายนอกกันอีกนิด นโยบายภาครัฐก็มีผลต่อหุ้นโรงพยาบาลเหมือนกันครับ อย่างปี 2568 เนี่ย สำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินชดเชยโรคร้ายแรงแบบคงที่ที่ 12,000 บาทต่อ RW ตลอดทั้งปี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมครับ ส่วนเรื่องระบบร่วมจ่ายที่เราคุยกันตอนแรก แม้จะมีคณะกรรมการ คปภ. ให้ความเห็นถึงแนวโน้มในอนาคต แต่บทวิเคราะห์ก็ยังคงยืนยันว่าผลกระทบน่าจะจำกัดจริงๆ ครับ

ส่วนเรื่องผลประกอบการ คาดการณ์ไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 อาจจะดูชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ยังคงเติบโตได้ โดยเฉพาะ BDMS ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่กลับมาคึกคักครับ และที่น่าจับตาคือประมาณการกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลในปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 9% เลยทีเดียวครับ ปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ ก็น่าจะมาจากการที่ประเด็นลบต่างๆ ในปี 2567 เริ่มคลี่คลายไป การขยายธุรกิจอย่างที่กล่าวไปข้างต้น รวมถึงแรงหนุนจากภาครัฐด้วย

แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจลงทุนเพียงแค่ฟังเรื่องดีๆ นะครับ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ธุรกิจโรงพยาบาลเองก็มี ความเสี่ยง ที่ต้องพิจารณาครับ

* **ความเสี่ยงด้านบุคลากร:** โรงพยาบาลต้องการแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งก็อาจมีปัญหาขาดแคลนได้ BDMS รับมือเรื่องนี้โดยการฝึกอบรมภายใน ร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และพยายามดึงดูดผู้เชี่ยวชาญครับ
* **ความเสี่ยงจากโรคระบาดและเหตุการณ์ฉุกเฉิน:** อย่างที่เราเห็นจากช่วงโควิด-19 แม้โรคระบาดจะเพิ่มจำนวนผู้ป่วย แต่ก็สร้างความไม่แน่นอนและกระทบต่อบริการอื่นๆ ได้ BDMS มีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน พัฒนาบริการแพทย์ทางไกล และมีระบบดูแลผู้ป่วยวิกฤตเคลื่อนที่เพื่อรับมือครับ
* **ความเสี่ยงจากการแข่งขัน:** ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนมีการแข่งขันสูง ทั้งจากโรงพยาบาลเดิมและโรงพยาบาลใหม่ที่เกิดขึ้น BDMS รับมือโดยการสร้างจุดเด่นด้วยศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์เฉพาะทางต่างๆ และลงทุนในเทคโนโลยีอย่าง AI และโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ครับ

และที่สำคัญมากๆ ครับ หุ้น โรง พยาบาล กรุงเทพ หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เค้าได้ออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับ **เพจลงทุนปลอม** ที่แอบอ้างชื่อบริษัท เช่น เพจที่ใช้ชื่อว่า BDMS Hospital, Trading Market BDMS, BDMS Trade กรุงเทพดุสิตเวชการ, Bangkok BDMS, BDMS เทรดหุ้นสำหรับมือใหม่ เป็นต้น บริษัทฯ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจเหล่านี้ และได้ดำเนินการแจ้งความแล้ว ขอให้นักลงทุนทุกท่านโปรดระมัดระวังและอย่าหลงเชื่อการชักชวนลงทุนที่มาจากเพจเหล่านี้เด็ดขาดนะครับ หากไม่แน่ใจ ควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยตรงเท่านั้น

สรุปแล้ว หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดยเฉพาะ หุ้น โรง พยาบาล กรุงเทพ (BDMS) ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนครับ ด้วยความเป็นหุ้นกลุ่มเชิงรับ ความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักที่มีการเติบโตต่อเนื่อง เครือข่ายขนาดใหญ่ การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงแผนธุรกิจในอนาคตที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวใดก็ตาม ไม่ใช่แค่ BDMS นะครับ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ และประเมินความเสี่ยงที่คุณรับได้ด้วยครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ

⚠️ หากคุณเป็นนักลงทุนที่เน้นสภาพคล่อง หรือยังไม่คุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นรายตัว อาจจะพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือศึกษาเครื่องมือการลงทุนอื่นๆ ที่อาจเหมาะสมกับคุณมากกว่านี้ก่อนนะครับ การลงทุนที่ดีคือการลงทุนที่เราเข้าใจและสบายใจที่จะอยู่กับมันในระยะยาวครับ