เจาะลึก “ai หุ้น”: โอกาสทองหรือฟองสบู่?

ช่วงนี้ไม่ว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่คำว่า AI ใช่ไหมล่ะครับ? ตั้งแต่ในมือถือที่เราใช้ ในหนังที่เราดู หรือแม้แต่ในข่าวที่เราอ่าน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า AI เนี่ย เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเราไปเยอะมากเลยนะ

แล้วพอเรื่อง AI มันมาแรงแบบนี้ แน่นอนว่าวงการตลาดหุ้นก็คึกคักตามไปด้วย หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI กลายเป็นดาวเด่นที่นักลงทุนจับตา และคำว่า “ai หุ้น” ก็กลายเป็นหัวข้อที่คนค้นหากันเยอะสุดๆ

จำได้ว่าช่วงต้นปี 2566 เป็นต้นมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พ่วงชื่อ AI เข้าไปด้วยนี่ราคาปรับขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว ทำเอาหลายคนตาลุกวาว แต่บางคนก็แอบหวั่นๆ ว่าเอ๊ะ…นี่มันจะเหมือนยุคดอทคอมที่ฟองสบู่แตกหรือเปล่านะ?

ในมุมมองของนักวิเคราะห์หลายคน มองว่าการพุ่งขึ้นของราคา “ai หุ้น” รอบนี้ ส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังในอนาคตที่สดใสของเทคโนโลยีนี้มากกว่าผลกำไรที่บริษัททำได้จริงในปัจจุบัน ซึ่งจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังครับ เหมือนกับการลงทุนในฝันที่ยังไม่เป็นจริงเต็มร้อย

แต่ที่น่าสนใจคือ ศักยภาพของ AI ในระยะยาวมันใหญ่มากจริงๆ นะ ไม่ใช่แค่เรื่องซอฟต์แวร์เก๋ๆ แต่มันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับแทบทุกอุตสาหกรรมเลย ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ การเงิน การผลิต ไปจนถึงการขนส่ง นี่แหละที่ทำให้หลายคนยังเชื่อมั่นว่า “ai หุ้น” มีอนาคตที่สดใสรออยู่ เพียงแต่เส้นทางอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป

ทีนี้ ลองมาดูตัวอย่าง “ai หุ้น” ระดับโลกที่ช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนดีมากๆ กันบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีนี่แหละครับ อย่างเช่น เอ็นวิเดีย (Nvidia) ที่เป็นเจ้าพ่อชิปสำหรับ AI, ไมโครซอฟท์ (Microsoft), แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD), แอลฟาเบต (Alphabet) บริษัทแม่ Google, แอปเปิล (Apple), เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta) บริษัทแม่ Facebook, อเมซอน (Amazon), อะโดบี (Adobe) หรือแม้แต่บริษัทที่ชื่อตรงตัวอย่าง ซีทรี.เอไอ (C3.ai) และ พาลันเทียร์ เทคโนโลยีส์ (Palantir Technologies) นอกจากนี้ยังมีบริษัทใหญ่ๆ ในวงการเซมิคอนดักเตอร์อย่าง แซป เอสอี (SAP SE) และ ทีเอสเอ็มซี (TSMC) หรือบริษัทอย่าง ไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) และ เทสลา (Tesla) ที่นำ AI ไปใช้ในธุรกิจหลักของตัวเอง หุ้นเหล่านี้เป็นเหมือนตัวแทนความหวังของนักลงทุนในธีม “ai หุ้น” ทั่วโลกเลย

แล้วถ้าหันกลับมามองตลาดหุ้นไทยบ้างล่ะ? มี “ai หุ้น” แบบที่เกี่ยวข้องกับ AI เทคโนโลยีตรงๆ เลยไหม? ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ชัดเจนเท่าบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แต่ก็มีบริษัทไทยหลายแห่งที่อาจได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากกระแส AI หรือความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่นข้อมูลที่เรามี บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีชื่อย่อหุ้นว่า AI พอดีนี่แหละครับ

แต่ต้องทำความเข้าใจตรงนี้นิดนึงนะว่า แม้ชื่อย่อหุ้นจะเป็น AI แต่ธุรกิจหลักของ บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) ไม่ใช่การพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยตรงนะครับ บริษัทนี้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบส่งกระแสไฟฟ้า ถามว่าเกี่ยวข้องกับ AI อย่างไร? อาจจะมองได้ในแง่ที่ว่าเทคโนโลยี AI ที่เติบโตขึ้นมากๆ อาจทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเพิ่มขึ้น บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าจึงอาจได้รับอานิสงส์ไปด้วย ซึ่งก็เป็นความเชื่อมโยงแบบอ้อมๆ นั่นเองครับ ดังนั้นเวลาพูดถึง “ai หุ้น” ในบริบทของ บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) ต้องแยกให้ออกระหว่างตัวเทคโนโลยี AI กับชื่อย่อหุ้นตัวนี้

สำหรับข้อมูลของ บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) (AI) ที่เรามีมาดูกันบ้างนะครับ จากข้อมูล ณ วันที่ 22 เมษายน 2568 หุ้นตัวนี้มีสถานะ “Closed” ซึ่งหมายถึงตลาดปิดและไม่มีข้อมูลการซื้อขายล่าสุดในวันนั้น แต่ข้อมูลพื้นฐานที่น่าสนใจก็มีครับ อย่างเช่น บริษัทอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน (Electrical Equipment & Parts) ธุรกิจหลักคือผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้า บริษัทมีหุ้นทั้งหมด 700 ล้านหุ้น เคยมีราคา IPO อยู่ที่ 48 บาท แต่ราคาล่าสุด ณ วันที่ 22 เมษายน 2568 อยู่ที่ 3.34 บาท ตัวเลขทางการเงินที่น่าสนใจคือค่า P/E อยู่ที่ 6.07 เท่า และค่า YIELD หรืออัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 10.18% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

พูดถึงเรื่องปันผล บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) มีประวัติการจ่ายปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2550 ถึงปี 2567 บริษัทมักจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเป็นเงินปันผล ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนที่สนใจหุ้นตัวนี้จะใช้พิจารณาผลตอบแทนที่คาดหวังจากการถือหุ้น “ai หุ้น” ตัวนี้ในแง่ของเงินปันผล นอกเหนือจากโอกาสในการปรับขึ้นของราคาหุ้น

นอกจากหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ๆ หรือหุ้นไทยที่อาจเกี่ยวข้องทางอ้อมแล้ว ยังมี “ai หุ้น” ที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมเฉพาะทางอย่าง เทมปัส เอไอ (Tempus AI) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา บริษัทนี้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมและข้อมูลทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำขึ้น คิดดูสิครับว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนวงการแพทย์ได้ขนาดไหน

เทมปัส เอไอ มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 80% แหล่งรายได้หลักของบริษัทนี้มาจากหลายทาง ทั้งบริการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมและโมเลกุล การให้สิทธิ์เข้าถึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่บริษัทรวบรวมไว้ การพัฒนาและขายซอฟต์แวร์ทางการแพทย์ด้วย AI และการร่วมมือวิจัยพัฒนากับบริษัทยาหรือสถาบันวิจัยต่างๆ

จุดเด่นของ เทมปัส เอไอ คือความสามารถในการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “แผนที่สุขภาพระดับโมเลกุล” ซึ่งช่วยให้เข้าใจโรคร้ายต่างๆ ในระดับพันธุกรรม ทำให้การแพทย์แม่นยำและสามารถออกแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างแท้จริง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำ AI ไปใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆ กัน

สรุปแล้วเรื่อง “ai หุ้น” เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ ในโลกการลงทุนตอนนี้ หุ้นเทคโนโลยีระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องความผันผวนและราคาที่อาจจะสูงเกินพื้นฐานในปัจจุบัน ส่วนในตลาดหุ้นไทยก็มีบริษัทที่น่าจับตาเช่นกัน แม้จะไม่ได้ทำธุรกิจ AI โดยตรง แต่อาจได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศของเทคโนโลยีนี้ การศึกษาข้อมูลบริษัทให้ละเอียด รวมถึงข้อมูลพื้นฐานและประวัติการจ่ายปันผลอย่าง บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) ที่เราเห็นข้อมูลไป ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนที่สนใจ “ai หุ้น” คือการทำความเข้าใจเทคโนโลยี AI อย่างถ่องแท้ ศึกษาว่าบริษัทนั้นๆ ได้ประโยชน์จาก AI อย่างไร มีโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนแค่ไหน และที่สำคัญคือต้องยอมรับความเสี่ยงที่มาพร้อมกับหุ้นกลุ่มนี้ด้วยครับ อย่าเพิ่งกระโดดเข้าใส่เพียงเพราะเห็นราคาขึ้นแรงๆ เท่านั้น

⚠️ **คำแนะนำ:** ก่อนตัดสินใจลงทุนใน “ai หุ้น” หรือหุ้นตัวใดก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลบริษัทให้รอบด้าน พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ความสามารถในการทำกำไร และประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเองเสมอ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน